ฝึก 8 อย่าง จะได้ไม่ “ทุกข์”

โพสเมื่อ : Wednesday, June 7th, 2017 : 10.49 pm

ข่าวอาชญากรรมความรุนแรงทั้งในและต่างประเทศเกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้ และนับวันจะแปลกประหลาด พิสดารเกินความคาดหมายว่า มนุษย์ที่ได้ชื่อว่ามีจิตใจสูงกว่าสัตว์เดรัจฉานจะกล้าทำกันได้ถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะเป็นระเบิดที่ประเทศอังกฤษ หรือฆ่าหั่นศพในเมืองไทย ล้วนแต่เป็นเรื่องบั่นทอนจิตใจ

ไม่ใช่เฉพาะผู้ก่อเหตุ ผู้เสียหาย เท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจจากข่าวที่เกิดขึ้น แต่คนที่ดู ฟัง อ่าน ติดตามข่าวสารก็พลอยหดหู่สลดใจไปด้วย และไม่ว่ามูลเหตุจูงใจจะเกิดเพราะอะไร ทำไมถึงต้องทำ แต่วิเคราะห์กันง่าย ๆ ตามหลักพระพุทธศาสนาว่า “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัย” มาจากความทุกข์ มาจาก “รัก โลภ โกรธ หลง” กิเลสที่เกาะกุมจิตใจมนุษย์

ประชาชนคนภูเก็ตบ้านเราเดี๋ยวนี้ก็ทุกข์พอ ๆ กับคนเมืองหลวง จัดอันดับจังหวัดความสุขทีไร ภูเก็ตเราครองอันดับบ๊วยทุกที เพราะว่า มีหลายเรื่องให้ทุกข์กัน ตั้งแต่การทำมาหากิน การทะเลาะเบาะแว้ง การเอารัดเอาเปรียบ แม้กระทั่งการจราจร รถติดมากก็ทุกข์ ไม่มีที่จอดรถก็ทุกข์ หรือเจอใบสั่งก็ทุกข์

คนเราในยุคปัจจุบันมีวิธีบริหารจัดการความทุกข์ที่แตกต่างกัน คนที่บริหารจัดการได้ดีก็ละวางทุกข์ได้แล้วเกิดสุขกับตัวเอง บางคนไม่สามารถจัดการกับทุกข์ได้ เอาความทุกข์ตัวเองไปก่อทุกข์ให้กับผู้อื่น ลงท้ายทุกข์นั้นก็ไม่หาย กลับบานปลายใหญ่โต ในขณะที่ตัวคนก่อทุกข์ก็ไม่ได้ความสุขอย่างใดเลย

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประยุทธ์ อารยางกูร (ศาสตราจารย์พิเศษ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ นามเดิม ประยุทธ์ อารยางกูร ฉายา ปยุตฺโต หรือที่รู้จักกันดีทั่วไปในนามปากกา “ป. อ. ปยุตฺโต”) ที่ได้ชี้แนะให้ประชาชนได้ลองฝึกควบคุมจิตใจของตัวเอง และเมื่อทำได้ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเองจิตใจเราจะได้สงบและไม่เป็นทุกข์

1.ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป

2.ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย

3.ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง

4.ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว

5.ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย

6.ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่อง ของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา

7.ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน

8.ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น

ลองฝึกกันดูนะครับ เพื่อทางแห่งการพ้นทุกข์ ไม่อยากทุกข์นี่แหละคือการดับทุกด้วยตัวเอง

(คัดลอกและเรียบเรียง จาก http://www.enjoythailandtravel.com/3078)

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก www.kapook.com