เกือกม้าเกาะแก้วยังไม่สร้างสั่งกรมทางหลวงทำรายละเอียดเปรียบเทียบก่อน

โพสเมื่อ : Wednesday, September 28th, 2016 : 3.16 pm

เลขาธิการสำนักงานตรวจราชการแผ่นดินให้เวลา 3 สัปดาห์ กรมทางหลวงทำรูปแบบเปรียบเทียบโครงการแก้ไขปัญหาการก่อสร้างทางกลับรถต่างระดับ หรือโครงการเกือกม้าเกาะแก้ว หลังมีการเรียกร้องให้ปรับโครงการ1475050090794.jpg

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ ที่ห้องประชุมแขวงการทาง จ.ภูเก็ต นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจราชการแผ่นดิน พร้อมด้วย นายปรีดา เวทยาวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 3 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะร่วมประชุมกับ นายปฏิเวชวุฒิศักดิ์ สุขขี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต หัวหน้าโครงการ / ผู้แทนสำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง นายสมพร รัตนบุรี ผอ.กองกลุ่มออกแบบกรมทางหลวง วิศวกร และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างทางกลับรถต่างระดับบนทางหลวงหมายเลข 402 หรือถนนเทพกระษัตรีหรือทางเกือกม้า บริเวณหน้าบ้านหยี่เต้ง  จ.ภูเก็ต หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ถึงความไม่เป็นธรรมในการจัดรับฟังความคิดเห็น และความไม่ได้รับรู้ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในช่วงที่มีการจัดรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมา1475050093214.jpg

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจราชการแผ่นดิน กล่าวว่า การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อมาติดตามใน 2 เรื่อง คือความล่าช้าของการสร้างอุโมงค์ทางลอดช่องสามกอง ซึ่งเรื่องนี้ได้ลงไปตรวจสอบและติดตามปัญหามาแล้ว ซึ่งขณะนี้ทางผู้รับเหมากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการและรับว่าทางลอดดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งขณะนี้ทางผู้รับเหมาก็ถูกปรับในส่วนของการส่งมอบงานช้าอยู่แล้ววันละ 200 ล้านบาท และเรื่องคือการสร้างทางกลับรถต่างระดับ บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 402 ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะมีการดำเนินการการก่อสร้าง 2 จุด คือที่บริเวณแยกมุดดอกขาว ใกล้กับทางเข้าสนามบินภูเก็ต และบริเวณเกาะแก้วใกล้กับบ้านหยี่เต้ง ซึ่งทางสำนักงานตรวจการแผ่นดินได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านจึงได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันและให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย1475050100848.jpg

1475050115060.jpg

โดยทางผู้แทนจากกรมทางหลวงได้จี้แจงถึงความเป็นมาของโครงการก่อสร้างทางกลับรถต่างระดับ ว่า มีการก่อสร้าง 2 จุด คือที่บริเวณแยกมุดดอกขาว และบริเวณต.เกาะแก้วใกล้กับบ้านหยี่เต้ง ซึ่งการก่อสร้างจะต้องมีการเวนคืนพื้นที่บริเวณก่อสร้างเข้าไปในที่ดินของประชาชนด้านละ 10 เมตร  ใช้งบประมาณในการดำเนินการจุดละ  200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญาในการก่อสร้างไปกับทางผู้รับเหมาแล้ว สาเหตุที่ต้องมีการดำเนินโครงการดังกล่าวเนื่องจากภูเก็ตมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจำนวนมาก และ มีจุดกลับรถจำนวนหลายจุด จึงต้องมีการดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการจราจร เรื่องของการลดอุบัติเหตุ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการแจ้งผู้ที่ได้รับผลกระทบในการเข้าไปสำรวจทรัพย์สินเพื่อเวนคืนที่ดิน1475050108206.jpg

ขณะที่นายสุวิทย์ เสงี่ยมกุล หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างทางกลับรถระดับบนทางหลวงหมายเลข 402 หรือถนนเทพกระษัตรีหรือทางเกือกม้า บริเวณหน้าบ้านหยี่เต้ง ต. เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต  กล่าวว่า ในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบยินดีที่จะให้ทางกรมทางหลวงทำเป็นทางกลับรถ แต่ขอให้เปลี่ยนรูปแบบในการดำเนินการ อาจจะทำเป็นอุโมงค์ หรือทางกลับรถบนทางเรียบ ซึ่งยินดีที่จะให้มีการเวนคืนที่ดิน แต่ไม่เห็นด้วยที่จะมีการสร้างเป็นทางยกระดับ ซึ่งในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบก็ยอมรับผลกระทบในจุดนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยินดีที่จะสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร และทำให้บ้านเมืองสวยงามขึ้น ภูเก็ตเป็นเมืองค้าขาย เรื่องของฮวงจุ้ยถือเป็นเรื่องสำคัญ การมีอะไรมาขวางทางเข้าถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี เมื่อมีอะไรมาขวางปากทางเข้า จะกินก็ลำบาก ร่ายการจะอยู่อย่างไร เพราะฉะนั้นการดำเนินการจะต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกันจะมีการเวนคืนบ้างก็ไม่มีปัญหา1475050097697.jpg

เช่นเดียวกับนายจรัญ แก้วน้อย กล่าวว่า ในการประชุมรับฟังความคิดเห็นตนเคยเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาการสร้างทางกลับรถต่างระดับไปแล้วว่าควรที่จะทำเป็นอุโมงค์ หรือทางกลับรถทางเรียบโดยการขยายพื้นที่ของถนนให้กว้างขึ้น ซึ่งทางเจ้าของที่ดินเองก็พร้อมที่จะเสียสละในจุดนี้ แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่เลือกแนวทางอื่นในการดำเนินการซึ่งเมื่อสร้างแล้วไม่มีปัญหาเรื่องของการทำลานทัศนียภาพ และกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด เพียงแต่จะต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการที่สูงขึ้นเท่านั้น1475050125689.jpg

อย่างไรก็ตามหลังจากรับฝังการนำเสนอจากทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และในส่วนของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจราชการแผ่นดิน ได้สรุปแนวทางในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า ให้กรมทางหลวงกลับไปทำข้อมูลเปรียบเทียบในการดำเนินโครงการดังกล่าวในรูปแบบต่างๆ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักและจะต้องเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยให้เวลาในส่วนของหน่วยงานรัฐจัดทำข้อมูล 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะกลับมาพิจารณากันอีกครั้งถึงแนวทางการดำเนินโครงการว่าจะเดินหน้าไปอย่างไรในการแก้ไขปัญหาการจราจรในจุดดังกล่าว