เทศบาลนครภูเก็ต ยกเครื่องระบบมาตรฐานความปลอดภัยไฟฟ้าส่องสว่างทั้งระบป้องกันเกิดเหตุซ้ำ

จากกรณีเกิดเหตุไฟฟ้าจากเสาไฟส่องสว่างบริเวณสนามบาสเก็ตบอลภายในสวนหลวง ร. 9 ช็อต นายคาห์เลค นัวร์ หรือ นิกกี้ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายเชิดศักดิ์ วายาโน อายุ 18 ปี ว่า ซึ่งเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่า หลังเกิดเหตุทางเทศบาลได้สั่งให้มีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในสนามกีฬาเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดไฟฟ้ารั่วทันที ต่อจากนั้นได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบระบบไฟฟ้าทั้งหมดภายในสวนหลวง ร.9 โดยเฉพาะเรื่องของไฟรั่ว ไฟช็อต  นอกจากนั้นยังได้ร่วมกับทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคร่วมตรวจสอบเพื่อให้ได้ตามมาตรฐานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยขณะนี้ได้มีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยเพิ่มขึ้นทางเทศบาลจะมีการติดตั้งระบบตัดไฟอัตโนมัติในสนามกีฬา

นางสาวสมใจ กล่าวต่อไปว่า  นอกจากทางเทศบาลจะมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในส่วนหลวงทั้งระบบแล้ว ยังได้มีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าในส่วนของสวนสาธารณะเขารัง และสวนสาธารณะบริเวณสะพานหิน สวน 72 พรรษามหาราชินี รวมถึงไฟฟ้าบริเวณเกาะกลาง ไฟฟ้าบริเวณวงเวียนต่างๆ และ สัญญาณไฟจราจร ด้วย โดยจะขอความร่วมมือจากทางการไฟฟ้าร่วมตรวจสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องของไฟฟ้ารั่ว ไฟช็อต เกิดขึ้นอีก

นางสาวสมใจ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ในส่วนของเทศบาลมีระบบไฟฟ้าส่องสว่างที่ต้องดูแลมีมากกว่า 6,000 ดวง ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่เทศบาลมีไม่เพียงพอ จึงได้มีการว่าจ้าง Outsource เข้ามาดูแลในเรื่องของระบบไฟฟ้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลบางส่วน เช่นที่บริเวณสวนหลวง ร.9 ก็ได้ว่าจ้าง Outsource ให้เป็นผู้ดูแล ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการตรวจสอบและส่งรายงานมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการตรวจสอบหาสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟฟ้ารั่วนั้นขณะนี้ทางเทศบาลได้ตั้งคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว 1 ชุด เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา  ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ 60 วัน แต่อย่างไรก็ตามการตรวจสอบจะเร่งให้เสร็จโดยเร็วที่สุด