เจ้าของที่ดินเดิมบนเกาะนาคาท้า “ภูริ” หากรักป่าจริงต้องกล้าบริจาคที่ดินให้เป็นป่า

เจ้าของที่ดินเดิมบนเกาะนาคา เปิดแถลงข่าว มั่นใจเอกสารสิทธิที่ดินได้มาถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าผิดก็ต้องผิดทุกแปลงท้า “ภูริ” ดารานักแสดงชื่อดัง หากต้องการรักษาป่าจริง กล้าบริจาคที่ดินบนเกาะให้เป็นป่าหรือไม่

วันนี้ (26 เม.ย.) ที่ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต นางเจ๊ะหย้า ตนคลัง นายเจษฎา ท่อทิพย์ และ นายดลม่าหนับ ตนคลัง เจ้าของที่ดินเดิมบนเกาะนาคาน้อย ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าว ถึงความเป็นมาของที่ดินบนเกาะนาคาน้อย แปลง สค.1 เลขที่ 70 ที่นำมาออกเป็น นส.3 เนื้อที่ 24 ไร่ และขายให้กับบริษัท ภูเขาหกลูก ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ หลังดาราชื่อดัง นายภูริ หิรัญพฤกษ์ ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว และยื่นหนังสือถึงดีเอสไอ และศูนย์ดำรงธรรม ว่า มีการออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ป่าไม้
นางเจ๊ะหย้า ตนคลัง กล่าวว่า เดิมที่เป็นที่ดินบนเกาะนาคาน้อยเป็นของปู่ตนเอง คือ ขุนหมื่นหวังดี หลังจากนั้นปู่ก็ได้ยกให้กับพ่อของตน คือ นายมาแอร์ หวังดี โดยในสมัยพ่อของตนนั้น ได้แบ่งที่ดินขายให้กับหลวงขจร โหละเวช ครึ่งเกาะหรือประมาณ 50 กว่าไร่ ในราคา 25,000 บาท เป็นการขายปากเปล่า ไม่มีเอกสารสิทธิใดๆทั้งสิ้น เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว ตอนนั้นตนอายุ 20 ปี มาจนถึงขณะนี้ อายุ 72 ปีแล้ว ส่วนที่เหลืออีกครึ่งเกาะได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยแบ่งให้กับน้องเขย ผู้ใหญ่บ้าน และตน ซึ่งเป็นลูกสาว โดยทั้งเกาะมีเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ขณะที่ที่ดินที่แบ่งขายให้กับหลวงขจรนั้น ต่อมาลูกสาวของหลวงขจร โลหะเวช ก็ได้ขายต่อให้กับ ดร.สุจิต หิรัญพฤกษ์ ซึ่งเป็นปู่ของนายภูริ เมื่อ 40 ปีที่แล้ว และเมื่อขายที่ดินไปแล้วครึ่งเกาะตนและครอบครัวก็ได้ย้ายออกจากเกาะนาคาน้อย ส่วนที่ดินก็ยังมีการครอบครองอยู่

นายเจษฎา ท่อทิพย์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวยังรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่ออกมาระบุ ว่า เอกสารสิทธิที่ดินแปลงของตนที่ขายให้กับบริษัท ภูเขาหกลูก เนื้อที่ 24 ไร่ เป็นเอกสารสิทธิ นส.3 ปลอม ที่ได้มาจากส.ค.1 คนละแปลงโดยระบุว่าบินมาจากเกาะนานาใหญ่ และเป็นส.ค.1 บวม จากเนื้อที่ 7 ไร่ เป็น 24 ไร่ ซึ่งส.ค.1 ที่ดินแปลงดังกล่าวนั้นออกในสมัยที่พ่อของตน คือ นายหลุน ท่อทิพย์ เป็นเจ้าของที่ดิน หากที่ดินของตนออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ดินบนเกาะนาคาน้อยทุกแปลงก็ออกไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน เพราะเดิมทีที่ดินทั้งเกาะไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนสาเหตุที่ต้องออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะให้คนทั่วไปได้รับทราบถึงที่มาที่ไปของที่ดินบนเกาะนาคาน้อย และเข้าใจถึงความเป็นมาของที่ดินดังกล่าว ซึ่งตนมั่นใจว่าที่ดินแปลงของตนที่ขายไปแล้วนั้น ออกเอกสารสิทธิถูกต้องเหมือนกับที่ดินแปลงอื่น บนเกาะนาคาน้อย

นายเจษฎา ยังได้กล่าวอีก ว่า ตนอยากฝากถึงนายภูริ ถ้าหากต้องการที่จะเก็บรักษาเกาะนาคาน้อยให้เป็นป่าที่สมบูรณ์จริงๆ ตนขอท้าให้บริจาคที่ดินแปลงดังกล่าวให้เป็นป่า ถ้านายภูริบริจาค ตนก็พร้อมที่จะบริจาคที่ดินแปลงของตนเป็นป่าเช่นกัน และหากทางกรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิในแปลงของตนก็พร้อมที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด เพราะมั่นใจว่าเอกสารสิทธิที่ดินของตนเองได้มาถูกต้องตามกฎหมาย