GISTDA จับมือ วช. และ จังหวัดภูเก็ต ต่อยอด COVID-19 iMap Platform

โพสเมื่อ : Tuesday, December 14th, 2021 : 3.46 pm

GISTDA จับมือ วช. และ จังหวัดภูเก็ต ต่อยอด COVID-19 iMap Platform สู่การพัฒนาระบบการแสดงผลที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจ

วันนี้ (14 ธันวาคม ) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ   GISTDA ร่วมมือกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ดำเนินงานวิจัยโครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อพัฒนาเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจ ณ ห้องดวงชนก 1-2 โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต โดยมีนายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิด

 นางกานดาศรี ลิมปาคม รองผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า โครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 นี้ เป็นโครงการที่ใช้ภูมิสารสนเทศมาช่วยวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดจนนำไปสู่การควบคุมพื้นที่ได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ พร้อมขยายระบบให้รองรับผู้ใช้งานได้เพิ่มขึ้น รวมถึงพัฒนาเพื่อให้รองรับการบริหารจัดการในระดับพื้นที่/จังหวัด ให้เป็นระบบการแสดงผล (Dashboard) เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการกำหนดมาตรการต่างๆ ในระดับพื้นที่ให้กับ 5 จังหวัดต้นแบบ เช่นเชียงใหม่ เชียงราย ตาก ชลบุรี และ ภูเก็ต

ซึ่งจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยว เป็นจังหวัดที่มีสภาพเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 จึงได้รับผลกระทบทั้งในด้านการท่องเที่ยว โดย GISTDA ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลที่เรียกว่า COVID-19 iMap Platform” ขึ้น

เพื่อเป็นเครื่องมือให้กับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัด (ศปกจ.) โดยเชื่อมโยงข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศที่มีอยู่จำนวนมาก เช่น ข้อมูลที่ตั้งของสถานที่ ข้อมูลด้านสาธารณสุข ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ และด้านประชากร จากหน่วยงานทั้งหมด 9 กระทรวง รวม 17 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กองบัญชาการกองทัพไทย และสภากาชาดไทย พัฒนาเป็นระบบศูนย์กลางข้อมูล (Data Center)

เพื่อนำไปใช้ในการติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์ วางแผน สนับสนุนการทำงานประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการทรัพยากรด้านสาธารณสุข ฟื้นฟูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์อย่างทันท่วงที

 นางกานดาศรี กล่าวต่อว่า COVID-19 iMap Platform เป็นระบบที่ใช้บริหารสถานการณ์ในระดับประเทศ แต่เนื่องจากบริบทที่แตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัดตามภูมิภาค ทำให้ต้องจำเป็นที่ต้องส่งเสริมและลงไปแก้ไขปัญหาต่างๆเฉพาะพื้นที่  ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2564  GISTDA จึงได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดำเนินงานวิจัยโครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์ รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19  ซึ่งนอกจากการขยายระบบเพื่อให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้รองรับ

การบริหารจัดการในระดับพื้นที่นำข้อมูลเหล่านี้นำมาวิเคราะห์ร่วมกันและแสดงผลในรูปแบบของแผนที่ดิจิทัลและระบบการแสดงผล (เป็นการนำข้อมูลมาสรุปให้เห็นเป็นภาพในหน้าเดียว) สำหรับรองรับการเปลี่ยนแปลง หรือมาตรการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ในการกำหนดมาตรการต่างๆ ในระดับพื้นที่ของจังหวัดต้นแบบ เมื่อมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พื้นที่ศึกษาที่เป็นตัวแทนของบริบทต่างๆในครั้งนี้จะดำเนินการ วิเคราะห์เชิงลึกในด้านสาธารณสุข และด้านเศรษฐกิจ ในมิติของสาธารณสุข ทีมผู้วิจัยได้พัฒนาดัชนีชี้วัดความปลอดภัยต่อการติดเชื้อโควิด-19 หรือ “COVID-19 Safety Index” ขึ้น โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ ปัจจัยต่างๆในหลากหลายมิติ ทั้งด้านสถานการณ์การติดเชื้อ ด้านศักยภาพ/ความเพียงพอของระบบสาธารณสุข ด้านความหนาแน่นของประชากรและพื้นที่เสี่ยง และการจัดสรรวัคซีน ซึ่งมีส่วนแสดงผล 3 ส่วน คือ 1.) แสดงผลการวิเคราะห์ความปลอดภัยของพื้นที่ต่อการติดเชื้อโควิด-19 เพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างตรงจุด 2.) แสดงผลการคาดการณ์รายได้จากภาคการท่องเที่ยว เมื่อจังหวัดเริ่มมีการฟื้นตัว และ 3.) แสดงผลภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ในระดับอำเภอ และการพัฒนา Dashboard COVID-19 iMAP Platform มาใช้ในพื้นที่จังหวัดตาก จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัดมีระบบเพื่อใช้บริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 และการท่องเที่ยวในระดับพื้นที่ มีข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้อง แม่นยำ สามารถวางแผนและกำหนดมาตรการสำหรับเตรียมความพร้อมเพื่อการบริหารจัดการเชิงพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วนเพื่อสังเคราะห์และตรวจสอบความถูกต้องก่อนการเผยแพร่สู่ภาคประชาชนผ่านระบบเดียวกัน” นางกานดาศรี กล่าว