เกิดเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าร้านประดับยนต์ภูเก็ต เสียหายหลายล้านบาท คาดเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

หลังจากรับแจ้ง นายพงษ์ศักดิ์ ศิริทัพ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครภูเก็ต จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชา ทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย นายธวัชชัย ทองมั่ง ปลัดเทศบาลนครภูเก็ต พร้อมนำรถดับเพลิงเทศบาลนครภูเก็ตประมาณ 8 คัน และรถดับเพลิงเทศบาลตำบลวิชิต จำนวน 3 คัน ให้การสนับสนุนช่วยการดับเพลิงในครั้งนี้ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตรวมทั้งประสาน พ.ต.ท.ราชัน พรรณไวย์ สว.(สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบเช่นเดียวกัน

ที่เกิดเหตุร้านดังกล่าวอยู่ริมถนนวิชิตสงครามติดกัน 2 คูหา ชั้นเดียว เห็นเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงที่บริเวณท้ายร้านซึ่งเป็นที่เก็บสินค้าทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้เร่งฉีดน้ำสกัดเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลามไปติดบ้านข้างเคียง แต่การดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องภายในมีอุปกรณ์ต่างๆในร้านประดับยนต์ล้วนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเพลิงจึงโหมลุกไหม้อย่างรวดเร็วและมีลมกรรโชกแรงตลอดเวลา อีกทั้งมีเปลวไฟปะทุพุ่งขึ้นเป็นระยะ ทางเจ้าหน้าที่ฯจึงได้ทุบกำแพงบ้านและฉีดน้ำเข้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นพบว่า สินค้าที่อยู่ภายในเป็น หลังคา CARRYBOY เครื่องเสียง ฟิล์มกรองแสง กระบะไลน์เนอร์ สัญญาณกันขโมย ประดับยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับประดับรถยนต์ถูกไฟเผาวอด และมีรถยนต์อีก 1 คันที่จอดอยู่ภายในถูกไฟเผาเช่นกัน เหลือเพียงอุปกรณ์ที่วางโชว์อยู่หน้าร้านจำนวนไม่มาก และไฟยังยังลุกลามไปติดบ้านชาวบ้านได้รับความเสียหายเล็กน้อย ยังไม่สามารถระบุมูลค่่าความเสียหายได้

จากการสอบสวนเจ้าของร้านทราบว่า ในระหว่างเกิดเหตุนั้นทางร้านไม่มีใครอยู่เนื่องจากหยุดเทศกาลตรุษจีน และร้านได้ปิดตั้งวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ.62 ที่ผ่านมา จึงไม่ทราบสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้แต่อย่างใด แต่สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า เพลิงได้ลุกไหม้มาจากท้ายร้านและลุกลามมาด้านหน้า และที่บริเวณท้ายร้านใช้เป็นที่เก็บสินค้าต่างๆในการใช้ประดับยนต์ ทั้งหลังคา CARRYBOY เครื่องเสียง ฟิล์มกรองแสง กระบะไลน์เนอร์ สัญญาณกันขโมย และอุปกรณ์อื่นๆ เป็นจำนวนมาก

หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.ราชัน พรรณไวย์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงถ่ายภาพและเก็บหลักฐานต่างๆ ในเบื้องต้นคาดว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ตลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง