ไม่อยากให้ภูเก็ตเป็นเมืองร้างผู้มีอำนาจรีบแก้ปัญหา โควิด 19 หลังส่งผลกระทบวงกว้าง

โพสเมื่อ : Thursday, February 20th, 2020 : 7.07 pm

เอกชนภูเก็ตร้องรัฐแก้ปัญหาโควิด 19 ทั้งระบบ ระบุอยากให้รัฐมนตรีท่องเที่ยว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นรับฟังปัญหาที่แท้จริง ชี้หากไม่ได้รีบการแก้ไขโดยด่วนภูเก็ตจะกลายเป็นเมืองร้าง หลังส่งผลกระทบวงกว้าง

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการเข้าพบคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำเสนอปัญหาและผลกระทบ รวมถึงความต้องการของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม จากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ว่า ในส่วนของภาคเอกชนภูเก็ตนั้นได้รับผลกระทบอย่างมาก ทุกภาคส่วนได้รับความเดือดร้อนจนหลายฝ่ายคาดไม่ถึง เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบในวงกว้างและล้มไปทั้งระบบ ซึ่งตนไม่มั่นใจว่าผู้บริหารในส่วนกลางจะทราบหรือไม่ เนื่องจากรัฐมนตรีและผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ได้ลงมาดูปัญหานี้อย่างจริงจัง เพราะความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนหายไปแทบทั้งหมด ทำโรงแรมปิดตัวไปแล้วกว่า 20 แห่ง  รถและเรือจอดสนิท ส่วนนักท่องเที่ยวยุโรปที่เคยมี 100 % ขณะนี้เหลืออยู่เพียง 50% ในเดือนมีนาคมจะเหลือประมาณ 30%  จากนั้นในเดือนต่อไปจะเหลือเป็นศูนย์ เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกินกำลังของภาคเอกชนที่จะต่อสู้และรับมือได้ และเกินความสามารถของจังหวัดที่จะแก้ไข

เพราะความเดือดร้อนเกิดขึ้นตั้งแต่ โรงแรม ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว รถ เรือ  มัคคุเทศก์ และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เป็นโดมิโนของปัญหา ที่สำคัญมาก ๆ คือ บุคลากรด้านการท่องเที่ยว เช่น มัคคุเทศก์ พนักงานขับรถ พนักงานงานขับเรือ  เป็นต้น  บางส่วนเริ่มไม่มีรายได้ และบางส่วนเริ่มถูกลดเงินเดือน หรือเริ่มให้หยุดโดยไม่รับเงินเดือน ในขณะที่รายจ่ายยังคงเดิม หากสถานการณ์ยืดเยื้อนานไป  6-10 เดือน ภูเก็ตก็จะเป็นเมืองร้าง และจะมีปัญหาที่คาดไม่ถึงจะตามมามหาศาล”

นายธนูศักดิ์ กล่าวว่า การขึ้นไปเรียกร้องต่อกรรมาธิการท่องเที่ยวฯ นั้น เพื่อส่งข้อมูลผ่านไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ได้รับทราบถึงสถานการณ์ของจังหวัดภูเก็ตว่า สถานการ์การที่เกิดขึ้นเลวร้ายกว่าที่ภาครัฐเข้าใจมากนัก จึงต้องการให้ภาครัฐและหน่วยงานในระดับที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับมาตรการด้านการเงินและภาษีต่าง ๆ หรือกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้องกับแรงงานที่กำลังจะตกงานและกำลังจะมีปัญหา ทำอย่างไรให้สนามบินและสายการบินต่าง ๆ  เข้ามาในภูเก็ตได้ในราคาประหยัด ตลอดจนทำอย่างไรให้เกิดโครงการไทยเที่ยวไทย ไทยเที่ยวเมืองท่องเที่ยวที่เกิดปัญหา เช่น ภูเก็ต พังงา กระบี่ เชียงใหม่ เป็นต้น เพื่อให้ธุรกิจเกิดการหมุนเวียนแม้รายได้จะน้อยลง แต่ธุรกิจยังมีการเคลื่อนไหว  โดยการช่วยเหลือจะต้องครอบคลุมทุกกลุ่ม

“ สิ่งที่เป็นห่วงค่อนข้างมาก คือ ภาครัฐยังไม่รับรู้ถึงผลกระทบและความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น จึงเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว, ผู้ว่าการ ททท., คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี มองการแก้ปัญหาของภูเก็ตในเชิงรุก เพื่อรักษาฐานกำลังรายได้อันดับ 2 ของประเทศไว้ เพราะเชื่อมั่นว่าฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันหน้าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติและยังสามารถเรียกรายได้ที่เกิดขึ้นปีละประมาณ 400,000 ล้านบาทกลับมาได้ แต่ในช่วงจากนี้ไปจนถึงไฮซีซันดังกล่าว เราจำเป็นต้องใช้เม็ดเงิน 50,000-100,000 ล้านบาท เพื่ออัดฉีดเข้ามาในระบบ และไม่น่าจะขาดทุนแต่อย่างใด หากช้าไปก็จะเยียวยาไม่ทัน และเกิดปัญหาหรือสิ่งที่คาดไม่ถึงขึ้นได้ ซึ่งไม่คุ้มกับการที่จะไปแลก”

นายธนูศักดิ์ กล่าวถึงเหตุผลที่ทางรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ลงมารับทราบข้อมูลในพื้นที่ และมีกระแสข่าวของการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ประเทศไทยมีจุดอ่อนในเรื่องของข้อมูลอยู่แล้ว เราไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาจริงเท่าไร คนหายไปจริงเท่าไร เมื่อนักท่องเที่ยวไม่เข้ามารายได้หดตัวไปเท่าไร  และเรามักจะรู้ช้า นอกจากนี้ไม่มีหน่วยงานที่ส่งข้อมูลจากภูเก็ตไปยังส่วนกลางโดยรวดเร็ว ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของประเทศอาจจะยังเข้าใจว่าภูเก็ตอยู่ได้ แต่ไม่ได้มีการไปประมวลตัวเลขว่า ก่อนสิ้นปีนี้เกิดอะไรขึ้น หากคิดในแง่ร้ายภูเก็ตก็รอด แต่หากคิดในแง่ดีจะลำบาก ดังนั้นผู้ใหญ่ในระดับประเทศจะต้องมาดูความจริงและคุยกับผู้เดือดร้อนจริง ๆ

ทั้งนี้อยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ผู้ว่าการ ททท., รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้เกี่ยวข้องกับกระทรวงแรงงาน ต้องบูรณาการร่วมกัน  คือ มีการเยียวยาร่วมกันโดยกระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงาน ขณะเดียวกันก็มีการสร้างและหาตลาดใหม่ โดย ททท. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  ตลอดจนการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น  ทั้งนี้จะต้องทำไปพร้อม ๆ กันในทุกมิติ