ไต๋ – เจ้าของเรือ แจงไม่ตั้งใจจับฉลามวาฬขึ้นเรือแต่ติดอวนขึ้นมา ยันไม่ตาย ไม่ท้อง

โพสเมื่อ : Saturday, May 19th, 2018 : 9.14 am

ไต๋ – เจ้าของเรือแจง ไม่ตั้งใจจับฉลามวาฬ แต่ติดอวนขึ้นมา ขณะที่ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดภูเก็ต สอบสวนเข้มเรือประมงหาเหตุที่แท้จริงฉลามวาฬขึ้นมาอยู่บนเรือ  

จากกรณีที่มีการแชร์คลิปเรือประมงลำหนึ่งนำฉลามวาฬขึ้นเรือ ก่อนจะถูกกลุ่มนักดำน้ำจากเรือไดรฟ์วิ่งลำหนึ่ง ช่วยกันกดดันจนทำต้องปล่อยกลับลงทะเล โดยระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกลางทะเลใกล้เกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 พ.ค.61 ความคืบหน้า เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 18 พ.ค.61 ที่บริเวณแพปลาแสงอรุณ (ใน) ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี พร้อมด้วย นายวัชรินทร์ รัตนชู ผู้อำนวยการ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออก เรือประมง เขต 3 (ภูเก็ต) น.อ.สมศักดิ์ อินทรเสมา หัวหน้าศูนย์ฯ นายโกวิทย์ เก้าเอี้ยน ประมงจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบเรือ “แสงสมุทร 3” ซึ่งเป็นเรือประมงอวนลากที่ปรากฎในคลิปว่า จับฉลามวาฬได้นำเรือเข้ามาเทียบท่าบริเวณท่าเรือตามที่ได้แจ้งไว้กับศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออก เรือประมง เขต 3 (ภูเก็ต) และให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งตรวจเอกสารไต้ก๋งเรือ ลูกเรือ อุปกรณ์ในการจับปลา ชนิดของปลาที่จับได้

ซึ่งในเบื้องต้นจากการตรวจเอกสารเป็นไปตามที่ขออนุญาตกับทางศูนย์ฯ และไม่พบปลาที่ผิดกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ฯได้ทำการสอบปากคำลูกเรือทั้งหมดที่อยู่บนเรือขณะจับปลา ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อดูว่าเข้าข่ายการระทำความผิดหรือไม่ หากเข้าข่ายกระทำความผิดก็จะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบถาม นายสมสมัย มีจอม อายุ 55 ปี ไต้ก๋งเรือ กล่าวว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 ก่อนที่จะนำเรือกลับเข้าฝั่ง ช่วงที่อยู่บริเวณใกล้กับเกาะราชา อ.เมืองภูเก็ต ทางลูกเรือได้มีกู้อวนขึ้นมาบนเรือด้วยเครื่องจักร และ รู้สึกว่าค่อนข้างหนักแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เมื่อเทปลาออกจากอวนจึงเห็น มีฉลามวาฬติดมาด้วย เมื่อแก้อวนออกและพยามช่วยกันดันลงทะเลเนื่องจากฉลามวาฬนั้น ตัวใหญ่น้ำหนักประมาณ 1 ตัน ยาวประมาณ 4-5 เมตร จึงทำให้ต้องใช้เชือกผูกหางฉลามวาฬและใช้เครนยกตามที่ปรากฏในภาพ เป็นการช่วยที่จะทำให้ผลักลงไปในน้ำได้จนสำเร็จ

อย่างไรก็ตามเมื่อฉลามวาฬตัวดังกล่าวตกลงน้ำ ก็เห็นมันว่ายน้ำออกไปโดยไม่มีอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด และ เท่าที่เห็นฉลามวาฬตัวนี้ก็ไม่ได้ตั้งท้องตามที่มีการระบุ และ ตนทำประมงมา 20 ปี ไม่เคยจับฉลามวาฬมาขายเลยเพราะไม่รู้ว่าจะไปขายใคร จึงอยากชี้แจงทำความเข้าใจ ยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจจับฉลามวาฬไว้ตามที่ถูกกล่าวหา เพราะทราบดีว่า การจับฉลามวาฬขึ้นบนเรือนั้นมีความผิด เนื่องจากเป็นสัตว์สงวน

นายสมสมัย มีจอม อายุ 55 ปี ชาว ไต๋ก๋งเรือ“แสงสมุทร 3 กล่าวถึงเหตุการณ์ ดังกล่าวว่า ตอนยกอวนขึ้นเรือด้วยเครื่องจักรนั้นไม่ทราบว่ามีฉลามวาฬติดขึ้นมา มาทราบเมือแก้อวนออกและพยามช่วยกันดันลงทะเลแต่เนื่องจากฉลามวาฬนั้นตัวใหญ่มากยาวประมาณ 4-5 เมตร น้ำหนักเป็นตัน จึงใช้เชือกผูกหางและยกขึ้นเพื่อปล่อยลงทะเลตามที่มีการถ่ายคลิปดังกล่าว และที่ยกขึ้นเรือเพราะไม่ทราบว่ามีฉลามวาฬติดมาตนทำประมงมา 20 ปีไม่เคยจับฉลามวาฬมาขายเลยเพราะไม่รู้ว่าจะไปขายใคร อยากให้สังคมเข้าใจ และทราบว่า ฉลามเป็นสัตว์ห้ามทำการประมง และเป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมาย (ประเภทปลา ลำดับที่ 6) รวมทั้งห้ามนำขึ้นบนเรือด้วย

ขณะที่ นายวรศักดิ์ วรรณะ เจ้าของเรือแสงสมุทร 3 กล่าวว่า เมื่อตนเห็นในโชเชียล ก็ได้สอบถามไปยังไต๋เรือและสั่งให้ไต๋เรือนำเรือเข้าฝั่งทันที โดยไต่เรือเล่าให้ฟัง ว่า ไม่เห็นและไม่ทราบว่าฉลามวาฬติดมาในอวนมาทราบตอนที่ยกขึ้นเรือแล้ว และต่างก็ช่วยกันดันลงเรือแต่บนเรือคนน้อยจึงต้องใช้เครนยกตามที่เห็น จนทำเรือประมงมานานสั่งลูกน้องตลอดเวลาว่าสัตว์สงวนไม่ว่าจะเป็นโลมาหรือฉลามต่างๆ เราจะไม่จับโดยเด็ดขาดโดยเฉพาะโลมา และ ฉวาฬเพราะชาวประมงถือเป็นสัตว์นำโชคดีของชาวประมงอีกด้วย

ด้าน พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี กล่าวว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์  หากว่าพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเนื่องจากฉลามวาฬเป็นสัตว์สงวนตามกฎหมายไทยและสากล ซึ่เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะถือว่าฉลามเป็นสัตว์ที่หายากใกล้สูญญพันธ์ ของ ไซเตส ทำให้เรื่องนี้กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนและอธิบายต่อสังคมได้โดยเร็ว