ได้คืน 178 ไร่ ที่ดินริมเล มูลค่ากว่าหมื่นล้านเตรียมสนธิกำลังเอาคนรุกออกพ้นพื้นที่

โพสเมื่อ : Thursday, November 2nd, 2017 : 5.37 pm

รัฐได้ที่ดิน ริมเล 178 ไร่ ริมหาดลายัน – เลพัง ต.เชิงทะเล จ.ภูเก็ต มูลค่านับหมื่นล้าน กลับเป็นของรัฐ หลังศาลฎีกาตัดสินให้รัฐชนะคดี เอกชน 6 รายฟ้องรัฐ ยันเป็นที่สาธารณะ ขณะที่ดีเอสไอ ท้องถิ่น ปกครอง พร้อมลุยจับกุมดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด คัดค้านการประกันตัวหากคนบุกรุกไม่ยอมออก

จากกณีเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 1 พ.ย.ผ่านมา ที่ บังบัลก์ 7 ศาล จ.ภูเก็ต นายวริทธิ์ จิตรเพียรค้า ผู้พิพากษา อ่านคำพิพากษาฎีกา คดีเอกชนฟ้องรัฐ ระหว่างนางอรพรรณ พลอยเพชร กับพวกโจทก์ ฟ้อง กรมที่ดิน จังหวัดภูเก็ต นายอำเภอถลาง หัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตส่วนแยกถลาง ร่วมกันเป็นจำเลย 1-5 เมื่อ ปี พ.ศ.2549 โดยศาลพิพากษาให้โจทก์ที่ 1-5 ประกอบด้วยนางสดใส องค์ศรีตระกูล นายพิทักษ์ บุญพจนสุนทร นายสวัสดิ์ ทองไพยุทธ นางอรพรรณ พลอยเพชร ออกจากพื้นที่ชายหาดลายัน-เลพัง พร้อมบริวาร และให้ยกโจทก์ที่ 6 โดยให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8

 

ล่าสุดวันนี้ ( 2 พ.ย.) ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผู้อำนวยการสำนักคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่จากอำเภอถลาง เจ้าหน้าที่ที่ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อกำหนดแนวทางในการดำเนินกับที่ดินจำนวน 178 ไร่ บริเวณชายหาดลายัน –หาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มูลค่ากว่า10,000 ล้านบาท หลังศาลฎีกาตัดสินให้ภาครัฐเป็นผู้ชนะคดีที่เอกชนจำนวน 6 รายฟ้องรัฐ

พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผู้อำนวยการสำนักคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังการประชุมว่า การประชุมในครั้งนี้ตนได้รับมอบหมายจากอธิบดีให้ลงพื้นที่เพื่อร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับที่ดินแปลงดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งศาลได้ติดสินออกมาชัดเจนแล้วว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางดีเอสไอได้รับคดีเกี่ยวกับที่ดินในบริเวณดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ หลังจากนี้การดำเนินการก็จะต้องดำเนินการในลักษณะคดีพิเศษ

 

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากศาลตัดสินแล้วก็จะต้องมีการดำเนินการตามขึ้นตอน ซึ่งจะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการปิดประกาศให้ชัดเจนเพื่อบังคับคดีกับผู้ที่อยู่และใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว เพื่อให้ออกจากพื้นที่ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อศาลตัดสินชัดเจนแล้วว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ของรัฐ เพราะฉะนั้นคนที่ยึดถือครองอยู่ก็ต้องออกจากพื้นที่เพราะไม่มีสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว

อย่างไรก็ตามสำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวทราบว่าก่อนหน้านี้ทางจังหวัดและอำเภอได้ออกประกาศให้ที่ดินจำนวน 178 ไร่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สงวนหวงห้ามให้ประชาชนได้ใช้ร่วมกัน ตามมติคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ และ เป็นไปตาม พระราชบัญญัติที่ดิน มาตรา 20 เมื่อ ปี 2544 หลังจากมีการประกาศก็มีเอกชนจำนวน 9 ราย ยื่นคัดค้าน หลังจากนั้นมีการฟ้องศาลจำนวน 6 ราย ส่วนอีก 3 รายไม่มีการดำเนินการ ซึ่งในส่วนของจุดนี้ทางดีเอสไอเข้ามารับเป็นคดีพิเศษด้วย

 

ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ เมื่อดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในการดำเนินการทางดีเอสไอก็จะต้องเป็นผู้ดำเนินการโดยเฉพาะในส่วนของรายที่มีการบุกรุกอยู่เดิม รวมทั้งรายที่เข้ามาใหม่แต่มีคนเดิมอยู่เบื้องหลัง ทางดีเอสไอก็จะต้องเข้ามาตรวจสอบทำประวัติ หากถึงเวลายังไม่ยอมออกจากพื้นที่ ก็จะขอศาลอนุมัติหมายจับเพื่อดำเนินการจับกุมและดำเนินคดี ซึ่งจะนำตัวไปดำเนินคดีที่กรุงเทพ ถ้าหากมีการจับกุมทางตนก็จะคัดค้านการประกันตัวทุกราย ส่วนกรณีที่มีรายใหม่เข้ามาบุกรุก ทางพื้นที่ ทั้งปกครอง  ตำรวจ สามารถดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณะได้เลย เพราะที่ดินดังกล่าวเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเป็นที่ดินที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน

ขณะที่นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล  กล่าวว่า ที่ดินจำนวน 178 ไร่ เป็นที่ดินติดชายหาดลายัน ไปจนถึงเลพัง ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ปัจจุบันยังมีคนบุกรุกเข้าไปทำประโยชน์ทั้งธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ร้านอาหาร และอื่น โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1.บุกรุกประกอบการทางด้านการท่องเที่ยว 2.ใช้นอมินีเข้ามาแสดงการครอบครอง 3. กลุ่มบุกรุกเดิมที่มีจำนวน 9 ราย และ 6 ราย แสดงตัวคัดค้านและมีการฟ้องร้อง อบต. จังหวัด และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ศาลตัดสินออกมาแล้ว ว่าที่ดินทั้งหมดเป็นที่ดินสาธารณะ

ส่วนกรณีมีการอ้างเอกสารสิทธิ นส.3 ก. ครอบครอง นั้นทางกรมที่ดินตั้งกรรมการขึ้นมาพิจารณาและมีการ เพิกถอน เมื่อ ปี พ.ศ.2527 และ ต่อมาจังหวัดภูเก็ต โดยเจ้าพนักงานที่ดินสาขาถลาง ได้ขอขึ้นทะเบียนพื้นที่ชายหาดลายัน-เลพัง หมู่ที่ 4 และ 6 ต่อเนื่องกัน ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 178 ไร่ เป็นพื้นที่สงวนหวงห้ามให้ประชาชนได้ใช้ร่วมกัน ตามมติคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ และ เป็นไปตาม พระราชบัญญัติที่ดิน มาตรา 20 เมื่อ ปี 2544 หลังจากนั้นก็มีการฟ้องร้องทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยก่อนหน้านี้ ซึ่งมีการฟ้องร้องกันจนถึงศาลฎีกาที่มีการตัดสินไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยพิพากษาให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของรัฐ หลังจากนี้ก็จะต้องมีการปักป้ายเพื่อแจ้งให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ หลังจากนั้นก็จะนำที่ดินดังกล่าวมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน