โลกโซเชียลชื่นชมตร.จราจรถลาง น้ำใจงามช่วยลุงจ่ายค่าซ่อมรถ

โพสเมื่อ : Thursday, November 10th, 2016 : 1.54 pm

 

โลกโซเชียลแห่ชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจุดท่าเรือ เห็นชายชราจอดรถจักรยานยนต์ข้างทางเข้าไปสอบถามให้ความช่วยเหลือพบโซขาด ช่วยถีบรถไปร้านซ่อมรถ แต่ลุงไม่อยากซ่อมเพราะไม่มีเงินจ่ายควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าโซ่ – ค่าสเตอร์แทน หวังให้ลุงมีรถขับไปทำงาน

s__40157344

วันนี้ ( 10 พ.ย.) ในโลกโซเชียลได้มีการโพสต์ภาพ พร้อมข้อความชื่นชมการทำความดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รายหนึ่ง ที่เข้าไปยังร้านจำหน่ายอะไหล่และซ่อมรถ ในพื้นที่ บริเวณถนนเทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยชายสูงอายุ ที่เข็นรถจักรยานยนต์เข้ามา ในลักษณะไม่อยากเข้าไปที่ร้าน โดยตำรวจรายดังกล่าวได้แจ้งกับทางร้านว่ารถของชายชราโซ่ขาดถ้าเปลี่ยนโซ่คิดเท่าไหร่ โดยบอกว่าจะจ่ายเงินให้เอง เนื่องจากชายชราคนดังกล่าวไม่มีเงิน

เกี่ยวกับเรื่องนี้จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่คำรวจจราจรคนดังกล่าว คือ ด.ต.สุธี มณีสิงห์ ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ถลาง ปฏบัติหน้าที่ตำรวจจราจรจุดแยกท่าเรือ โดย ด.ต.สุธี กล่าวว่า ที่ทำไปไม่ได้คิดว่าจะได้รับการชื่นชม แต่อยากช่วยเหลือให้ลุงคนดังกล่าวซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้มีรถขับไปทำงาน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากปฏิบัติหน้าที่ระบายรถที่จุดแยกท่าเรือก็ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกมาเพื่อที่จะกลับไปที่บ้านเคียน

s__13033534

แต่ระหว่างทางซึ่งเลยร้านขายปูนอินทรีย์ไปเล็กน้อยเห็นลุงคนดังกล่าวจอดรถจักรยานยนต์ไว้ข้างทาง จึงได้จอดรถสอบถามเพื่อให้การช่วยเหลือเนื่องจากคิดว่าน้ำมันหมด ซึ่งจากการสอบถามทราบว่าโซ่รถขาด และกำลังจะไปทำงาน ก็เลยบอกไปกับลุงว่าข้างหน้ามีร้านซ่อมรถเดี๋ยวจะช่วยถีบรถไปให้ โดยลุงแจ้งว่าไม่อยากซ่อมเพราะไม่มีเงิน ต้องทำงานรายวันเงินไม่พอค่าซ่อม จึงบอกลุงให้เอารถไปที่ร้านซ่อมก่อน ส่วนค่าซ่อมเท่าไรตนจะออกให้ก่อน มีเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืน แต่ลุงก็ยังไม่ยอม แต่ก็พยายามโน้มน้าวลุงให้ยอมเอารถไปที่ร้านซ่อม เมื่อไปถึงลุงก็ยังไม่อยากซ่อม เลยเข้าไปถามที่ร้านว่าโซ่ขาดต้องซ่อมเท่าไหร่ ทางร้านแจ้งว่าต้องเปลี่ยนทั้งชุดคือทั้งโซ่และสเตอร์ ประมาณ 490 บาท จึงให้ร้านเปลี่ยนให้และให้เก็บเงินที่ต้น หลังจากนั้นตนก็รีบออกจากร้านเพื่อไปทำงานต่อ และไม่คิดว่าจะมีคนนำเรื่องราวของตนไปลงในโลกโซเชียล ตนหวังเพียงให้ลุงคนดังกล่าวมีรถขับไปทำงานเท่านั้น เพราะถ้าไม่มีรถการเดินทางคงเป็นไปด้วยความลำบาก