“โบทานิก้า” จับมือ “Kalinka” บุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวร์รี่ภูเก็ต

โพสเมื่อ : Tuesday, January 9th, 2024 : 6.08 pm

“โบทานิก้า” บริษัทด้านอสังหาฯชั้นนำของภูเก็ต จับมือ “Kalinka” บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ จากรัสเซีย บุกตลาดลักชัวร์รี่ เชื่อมันแนวโน้มดี โดยเฉพาะตลาดรัสเซียยังมาเป็นอันดับหนึ่ง

เมื่อเร็วๆนี้  “โบทานิก้า” บริษัทด้านอสังหาฯชั้นนำของภูเก็ต จับมือ Kalinka บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ จากรัสเซีย  จัดงาน Exclusive Wine & Dine Event ที่ BGA ขึ้น ที่โครงการ Botaniga Grand Avenue Luxury ซอยโคกโตนด 2 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยมี  Mr.Leonid Ustinov Director of Kalinka Thailand  นายกันติทัต  มลทา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานพัฒนาธุรกิจ บริษัทโบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด และ นายอาชีพ ธำรงธนยศ ผู้อำนวยการฝ่ายขายบริษัทโบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ให้การต้อนรับ แขกที่เข้าร่วมงาน

นายกันติทัต  มลทา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานพัฒนาธุรกิจ บริษัทโบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด  กล่าวถึงความร่วมมือ ระหว่าง บริษัทโบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของจังหวัดภูเก็ต และ  Kalinka บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ จากรัสเซีย  ว่า  การจัดงานในครั้งนี้เป็นการจัดงานเพื่อต้อนรับเอเย่น แบบ Exclusive เพื่อแนะนำในส่วนของพรีเซนเทชั่น ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ รวมทั้งแนะนำในส่วนของบริษัท Kalinka บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ จากรัสเซีย ที่จะเข้ามาขายโครงการแบบ Exclusive

พร้อมกับกล่าวถึงผลตอบรับหลังมีการเปิดตัวโครงการ Botaniga Grand Avenue Luxury ว่า  ในส่วนของคอนโดมิเนียมพบว่า ตอนนี้มียอดขายไปแล้วประมาณ 30 % จากจำนวน 85 ยูนิต ขณะที่ พูลวิลล่า พบว่ายอดขยาอยู่ที่ 2-3 หลังต่อเดือน นับว่ากระแสตอบรับดีมาก และ การร่วมมือกับ Kalinka บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ ถือว่าเป็นการสร้างความเชื่อมันอย่างดี คาดว่า ทั้งโครงการซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้าน จะสามารถปิดโครงการได้ประมาณ 5 ปี ส่วนกลุ่มลูกค้า ของโครงการยังคงเป็น ตลาดรัสเซีย ยุโรป จีน ฮ่องกง สิงคโปร์

นายกันติทัต  ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มตลาด อสังหา ระดับลักชัวร์รี่ ว่า  ในปี 2567  มองว่า ตลาดระดับนี้จะดีมาก ๆ เนื่องจากจากความต้องการซื้อยังดีอยู่ และจะอีต่อเนื่องไปอีก 1 -2 ปี  ส่วนระดับราคา คิดว่าน่าจะอยู่ที่ 20 -30 ล้าน ในส่วนของวิลล่า แต่ถ้าในส่วนของคอนโ ดก็จะอยู่ในหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นช่วง 3 -5 ล้าน  5-8 ล้าน และ ราคา10 ล้านขึ้นไป  เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มที่ขายได้เร็ว สำหรับการชื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาตินั้นในปัจจุบันมีทั้งซื้อเพื่อการลงทุน และ ซื้อเพื่ออยู่อาศัย  ขณะที่ทำเลนั้นกลุ่มลูกค้าที่มาอยู่นาน ๆ ไม่ได้มีความจำเป็น ที่จะต้องอยู่ติดหาด เพื่อแต่ให้เป็นพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกดี ๆ ก็ได้แล้ว

ขณะที่ Mr.Leonid Ustinov Director of Kalinka Thailand   กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง “โบทานิกา” และ “Kalinka” ในครั้งนี้ ว่า บริษัทเพิ่งเปิดตัวที่ประเทศไทย แต่ มีบริษัทแม่อยู่ที่รัสเซีย และ ทางบริษัท มีฐานลูกค้ากว่า 90,000คน เป็นลูกค้ากลุ่มไฮเอ็น และ มั่นใจว่าเขาจะสนใจ โครงการโบทานิก้า อย่างแน่นอน สำหรับการขายนั้นนอกจากจะขายในประเทศก็จะนำโครงการของทางโบทานิก้า  ไปขายในประเทศ รัสเซีย ดูไบ และ ประเทศอื่น ๆ ด้วย ส่วนที่มาทำงานร่วมกับโบทานิกา เพราะมั่นใจในศักยภาพของทางโบทานิก้า  โดยมีเป้าหมายในการขายโครงการ ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2-3 หลังต่อเดือน

Mr.Leonid Ustinov ยังได้กล่าวต่อไปถึงแนวโน้มของตลาดรัสเซีย ว่า  มั่นใจว่าตลาดรัสเซีย ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีโน้มดี ตลาดรัสเซียยังต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวร์รี่ ซึ่งจากข้อมูลสถิติการซื้ออสังหาริมทรัพย์ พบว่า พูลวิลล่า ที่ขายไป 300 กว่าหลัง เกินครึ่งที่เป็นชาวรัสเซียที่ซื้อ ซึ่งมีทั้งที่ซื้อเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย และ ซื้อเพื่อเป็นการลงทุน โดยเฉพาะตลาดลักชัวร์รี่ ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นในส่วนของคอนโด ในระดับราคาสูง ราคา 3 -4 ล้าน ก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน

ด้านนายอาชีพ ธำรงธนยศ ผู้อำนวยการฝ่ายขายบริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ได้กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนของทางโบนิก้า ว่า ในปีนี้ ในส่วนของโบทานิก้า เองจะต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 20 %  ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยเป้าหมายการทำโครงการก็ยังคงเป็นพูลวิลล่า ในราคา ที่ 20 -30 ล้าน ซึ่งขณะนี้ทางบริษัท มีการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อเป็นแลนด์แบงค์ อีกหลายแปลง เพื่อที่จะพัฒนาในอนาคต ส่วนตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราก้าวเข้ามาสู่ตลาดคอนโด ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับดี ในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะลงทุนต่ออีกอย่างน้อย 2 โครงการ

ส่วนเรื่องของการแข่งขันนั้นต้องยอมรับว่ามีมาก มูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั่วประเทศ มีประมาณ 6 แสนล้าน อยู่ที่ภูเก็ตประมาณ 1 แสนล้าน ในปีที่ผ่านมาภูเก็ตมีการซื้อขายมากกว่า 2 เท่าตัว แสดงให้เห็นว่าความต้องการของอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังมีสูง ทำให้นักลงทุนจากส่วนกลางต่างมุ่งหน้าลงมาที่ภูเก็ต  ในฐานะที่โบทานิก้า เป็นนักลงทุนในพื้นที่ เราก็มั่นใจว่ายังสามารถอยู่ในตลาดได้ ซึ่งดูได้จากลูกค้าถ้าเป็นคนไทยพบว่ามีลูกค้าจากทางกรุงเทพลงมาซื้อหลายราย นับว่าเป็นแนวโน้มที่ดี เพราะตลาดของคนกรุงเทพเริ่มสนใจมากขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะขยายฐานเข้าไปยังกรุงเทพ

ส่วนแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต คิดว่ามีแนวโน้มดี มีนักลงทุนส่วนกลางสนใจที่จะเข้ามาลงทุนจำนวนมากแต่คิดว่าการเข้ามาลงทุนของคนกลุ่มนี้ น่าจะเป็นการเข้ามาลงทุนร่วมกับคนในพื้นที่มากกว่า  ขณะที่ในส่วนของโบทานิก้า ก็เปิดกว้างสำหรับนักลงทุน  นอกจากนั้นในส่วนของโบทานิก้า ยังได้ขยาย การลงทุนไปในต่างขังหวัดเช่นเดียวกัน ซึ่งที่กำลังจะดำเนินการคือที่กระบี่ และหัวหิน