โซเชียล แชร์ ชาวเลถูกน้ำหนีบจอดเรือรักษา แต่ถูกจับ -จนท.แจงคนร้องเรียนไม่รู้มีผู้ป่วย

โพสเมื่อ : Tuesday, January 9th, 2018 : 12.51 pm

โซเซียลแชร์ ชาวเลราไวย์ เจอน้ำหนีบ.อาการบาดเจ็บกำเริบจอดเรือในเขตอุทยาน.เพื่อลงน้ำปรับสมดุลย์ร่างกาย  แต่ถูกจับดำเนินคดี ระบุเป็นการกระทำไร้ซึ่งมนุษยธรรม ยืนยันไม่จับปลาในเขตอุทยาน  ขณะหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ แจงเข้าจับกุมตามข้อร้องเรียนของชาวบ้านพบเรือประมงลอบจับปลาในเขต ระบุตอนจับไม่ทราบมีคนป่วย รู้หลังจากนำตัวมาสอบสวนที่ทำการ เรียกรถพยาบาลนำส่งรักษาทันที

กลายเป็นประเด็น ดราม่าของสังคมอีกแล้ว หลังผู้ใช้เฟซบุ๊ก ส่วนตัวชื่อ Maitree Jongkraijug โพสต์ภาพชาวเลหาดราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และข้อความระบุ ว่า “ผมไม่คิดเลยว่าจะมีคดี ชาวเลราไวย์ ถูกจับกุมโดยอุทยานอีก. เมื่อมีการแจ้งกันในไลด์กลุ่มชาวเล. ว่า “ชาวเลราไวย์เจอน้ำหนีบ…จอดเรือในเขตอุทยาน. เพื่อหยุดปรับสมดุล โดยลงในน้ำอีกครั้ง ที่เขตอุทยาน และถูกจับดำเนินคดี”

 

“ตอนนี้ชาวเลราไวย์ ภูเก็ต 6 คน ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานสิรินาท ภูเก็ตจับ เพราะชาวเลกลับจากหาปลาที่พังงา และมี คนป่วย 1 คน เพราะน้ำหนีบ จึงต้องจอดเรือฉุกเฉินที่เขตอุทยานฯ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ปรับตัวจากสภาพน้ำหนีบ คือการลงน้ำและขึ้นจากน้ำอย่างช้าๆตามวิธีชาวเล  แต่เจ้าหน้าที่อุทยานฯจับ และจะให้ชาวเลรับสารภาพ จ่ายค่าปรับคนละ 2 – 3 พันบาท ชาวเลไม่ยอมเพราะไม่ได้ทำผิด ปลาที่หามาไม่ได้หาในเขตอุทยาน ฯ จึงต้องถูกส่งสถานีตำรวจ  หมายเหตุ..(คนป่วยได้นำส่งโรงพยาบาลแล้ว หากส่งตัวไม่ทัน อาจพิการ หรือเสียชีวิตได้)”

ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่า ไปจับเขาทำไม. ตอนเขาโผล่มาจากน้ำ ก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่มีเหล็กยิงปลา ไม่มีเครื่องมือจับปลา. เขาจอดเรือเพื่อเอา คนป่วยดำลงไปเพื่อปรับน้ำในร่างกาย เพื่อยื้อชีวิตต่อตามวิถีชาวเล ก่อนถึงมือหมอ. แต่ เจ้าหน้าที่อุทยานก็เกือบคร่าชีวิตเขาไป. เขาถูกจับกุม. แต่ยอมส่งคนป่วยไปโรงพยาบาล

 

แม้มีมติคณะรัฐมนตรีผ่อนปรน หากินในเขตอนุรักษ์. ตามวิถีชีวิตดั้งเดิม. ก็ตาม. ซึ่งในความจริง. หาก จะคิดว่าเขาจับปลาในเขตจริง ก็ยังมีการผ่อนปรน. แต่นี่ไม่เลย เขาก็ทราบเมื่อเขาส่งคนป่วยไปโรงพยาบาลแล้ว. แต่ด้วยใจโหดเหี้ยม เขาก็คงดำเนินคดี. ทั้งที่ ผู้ใหญ่ในจังหวัด หลายคนอธิบายด้วยเหตุต่างๆแล้ว…แต่เขาก็ไม่ฟัง. คดีจับสัตว์ในเขตอุทยาน จึงถึงมือตำรวจ.

คนป่วยถึงมือหมอ. อาจช้าไปหรือเปล่า. เพื่อนชาวเล แจ้งว่า เขาเสียตาไป 1 ข้าง. หูอีก 1 ข้าง. อาจเสียขาอีก 1 ข้าง. รอหมอยืนยันอีกครั้ง น้ำหนีบ มันรุนแรง ถึงชีวิต. ชาวเลมีวิธี อยู่. แต่ เขาอาจไม่ได้ใช้วิธีรักษาอย่างเต็มที่. หรือเพราะเขาอาจเสียเวลาไปกับการดำเนินการก็เป็นได้. แต่เขาก็รอดชีวิต. แต่อาจเป็นคนพิการตลอดชีวิต

 

นักการเมืองท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน. หมอ ข้าราชการ หลายคน คงรับไม่ได้ จึงช่วยกันมาประกันออกไป ตอนประมาณ 4 ทุ่ม. ซึ่งในตอนแรกกำหนดทุนประกันไว้คนละ 100,000 บาท. แต่มีผู้ใหญ่ในระดับกระทรวง ประสานมาขอให้ลดทุนประกัน. จนนำไปสู่การประกันตัว นโยบายที่มี. เคยร่วมกันทำความเข้าใจกับหัวหน้าอุทยานคนก่อนแต่ผู้ มาใหม่อาจไม่ทราบ ไม่เข้าใจ ดำเนินการตามกฎหมาย ตามตัวหนังสือ. อาจหลงลืมความเป็นมนุษย์ไปเลย…หรือชีวิตแค่ผัก ปลา แต่อาจมีค่าน้อยกว่าปลาเสียอีก จากการกระทำดังกล่าว

หรือนี่เป็นวิธีคิดของมนุษย์กรมนี่. ที่เห็นค่าแค่สัตว์ กับต้นไม้ โดยลืมคุณค่าความเป็นมนุษย์…สักวันเมื่อความอดทนถึงที่สุด…ปัญหาก็อาจลุกลามบานปลาย. ผมเสนอว่า. คุณควร. คิดถึงชีวิตมนุษย์ก่อนอื่นใดนะครับ เอาหละผมก็วิพากษ์ตามคำบอกเล่าของเพื่อนชาวเล. ที่โทรมารายงาน. โทรมาเล่า. โทรมาปรึกษา. และการแชร์เรื่องราว จากเพื่อนๆ…ทบทวนเสียที เถอะมนุษย์กรมนี้บางคน. ให้มีความเป็นมนุษย์เท่าๆกับคนอื่นบ้าง

 

อย่างไรก็ตามหลัวจากมีการโพสต์ข้อความและภาพดังกล่าวออกไปได้มีการแชร์ข้อมูลและวิพากวิจารณ์ กันอย่างกว้างขวาง ถึงการดำเนินการเข้าไปจับกุมชาวเลดังกล่าวของทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ภูเก็ต จนกลายเป็นประเด็นสังคมในขณะที่

ขณะที่นายวิทูร เดชประมวลพล นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ กล่าวว่าเมื่อวานนี้ทางอุทยานแห่งชาติสิรินาถได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเรือเข้ามาลักลอบจับปลาในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำโดยนายพงษ์พันธ์ แพน้อย พนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าชุดปฏิบัติการสายตรวจ พร้อมกำลังพลออกตรวจสอบ โดยนำเรือประมงของชาวบ้านออกไปตรวจสอบเมื่อแล่นเรือไปถึงบริเวณอ่าวหน้าหาดในทอน ต.เชิงทะเล ตรวจสอบพบกลุ่มบุคคลพร้อมเรือจำนวน 3 ลำ จอดทิ้งสมอและมีกลุ่มบุคคลประมาณ 2 -3 คนกำลังดำน้ำอยู่ในทะเล จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ และจับกุม โดยผู้ต้องหาจำนวน 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน และเด็ก อายุ 14 ปีจำนวน 1 คน ทั้งหมดเป็นชาวไทยใหม่จากพื้นที่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต

 

พร้อมตรวจยึดของกลางหลายรายการประกอบด้วยเรือไม้จำนวน 3 ลำ สัตว์ทะเลชนิดต่างๆ เช่นปูแดง กุ้งมังกรเจ็ดสี กุ้งมังกรแดง ปลาสินสมุทร ปลานกแก้วหัวโหนก นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์การจับปลา เครื่องปั้มอากาศ สายท่ออากาศ และอื่นอีกหลายรา จึงนำตัวมาสอบสวนที่ทำการอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และส่งตัวดำเนินคดีที่ สภ.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

นายวิทูร กล่าวต่อไปว่า ในการเข้าจับกุมทางเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่ามีคนป่วย หลังจากจับกุมก็นำตัวมาสอบสอบตามปกติ และเพิ่งได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าหนึ่งในผู้ที่ถูกจับมีอาการป่วย จึงได้ประสานไปยัง 1699  เพื่อให้มารับคนป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลถลาง ขณะที่ผู้ต้องหาที่เหลือก็ส่งตัวดำเนินคดีตามปกติ

 

ขณะที่ นายวรวิทย์ สีสาคูคราม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ช่วยประกันตัวชาวไทยใหม่ กล่าวว่า ตนได้รับการประสานมาจากทีมงาน ให้ช่วยมาประกันตัวชาวไทยใหม่ ที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถจับกุมมาดำเนินคดีที่ สภ.สาคู หลังจากได้รับการประสานตนจึงเดินทางมายังอุทยานฯ และ มีการพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทราบว่า ชาวไทยใหม่ทั้ง 5 คน และ เด็ก 1 คน ล่องเรือมาการจับปลาในพื้นที่จังหวัดพังงา ระหว่างที่แล่นเรือมาถึงบริเวณหาดในทอน ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีชาวไทยใหม่ที่ออกจับปลาด้วยกัน มีอาการบาดเจ็บจากแรงดันใต้น้ำ ที่ชาวบ้านเรียกว่าโรคน้ำหนีบ จึงได้หยุดเรือที่บริเวณดังกล่าว และให้คนเจ็บลงไปในน้ำ เพื่อปรับสภาพสมดุลซึ่งเป็นวิธีการรักษาของชาวเล

 

แต่ระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ออกตรวจพื้นที่ และ มาพบกับกลุ่มชาวไทยใหม่ที่จุดดังกล่าว และ มีการตรวจสอบพบปลาและสัตว์ทะเลเป็นจำนวนมาก จึงแสดงตัวจับกุม โดยชาวไทยใหม่บอกว่า ปลาและสัตว์ทะเลดังกล่าวไม่ได้จับในเขตอุทยานฯและปลาทั้งหมดจับมาจากจังหวัดพังงา และ ขณะที่ผู้บาดเจ็บอยู่ในน้ำก็ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาดำเนินคดี ในที่สุด

นายวรวิทย์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ตนสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้มีการพูดคุยกับพนักงานสอบสวน สภ.สาคู ซึ่งต้องใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวประมาณคนละ 100,000 บาท ตาชาวไทยใหม่ไม่มีเงินในการประกันตัว ตนจึงใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่ร่วม กับนายแพทย์วิชิต บุรพชนก แพทย์ประจำรพ.สต.สาคู ใช้ตำแหน่งประกันชาวไทยใหม่ เพื่อให้เจ้าหน้าปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป

ขณะที่ นายสนิท แซ่ฉั่ว  หนึ่งในชาวเลราไวย์ ซึ่งได้ไปร่วมให้กำลังใจชาวไทยใหม่ที่ถูกจับในครั้งนี้ กล่าวว่า ในส่วนของชาวเลที่ถูกจับกุมนั้นได้มีการประกันตัวออกมาแล้ว โดยทางผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ใช้ตำแหน่งมาประกันตัวให้ ยกเว้นในส่วนของนายทะนงศักดิ์ เกาะงาม อายุ 41 ปี ซึ่งมีอาการน้ำหนีบที่ยังต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล และ เช้าวันนี้ (9 ม.ค.61) ชาวเลทั้งหมดได้ไปพบกับพนักงานสอบสวน สภ.สาคู เพื่อทำการให้ปากคำเพิ่มเติม

 

โดยทั้งหมดยืนยันว่า ไม่ได้จับปลาในเขตอุทยานฯ และไม่ได้เป็นผู้ประกอบการตามที่ถูกกล่าวหา โดยเหตุที่เข้าไปลอยเรือในพื้นที่ดังกล่าวนั้น เนื่องจากในระหว่างเดินทางกลับ จาก อ.คุระบุรี จ.พังงา เพื่อกลับบ้านที่หาดราไวย์ ระหว่างทางเมื่อมาถึงบริเวณพื้นที่ทะเลในเขตอุทยานฯ นายทะนงศักดิ์ฯ ได้เกิดอาการน้ำหนีบ จึงได้หาบริเวณจุดที่เหมาะสมทอดสมอเรือลอยลำ และให้นายทะนงศักดิ์ฯ ดำลงไปในน้ำ เพื่อปรับสภาพร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีการรักษาของชาวเล

 

ขณะเดียวกันก็มีชาวเลอีก 2 คน ลงไปอยู่ข้างเรือเพื่อทำภารกิจส่วนตัว และปลาที่เห็นในเรือนั้นก็ไม่ได้จับในเขตอุทยานฯ แต่เป็นปลาที่ได้มาจากการจับในทะเลลึกในพื้นที่ อ.คุระบุรี โดยขณะนี้ได้มีการประสานกับทางสำนักงานยุติธรรมจังหวัดภูเก็ตเพื่อหาหลักทรัพย์มาประกันตัวและต่อสู้คดีต่อไป