เวทีฟังความเห็นขุดลอกร่องน้ำอ่าวท่าเลน ต.ป่าคลอก ชาวบ้านเห็นด้วย

โพสเมื่อ : Wednesday, July 22nd, 2020 : 7.18 pm

รับฟังความคิดเห็นขุดลอกร่องน้ำอ่าวท่าเลน ต.ป่าคลอก จ.ภูเก็ต ครั้งที่ 2 คนเข้าร่วมส่วนใหญ่เห็นด้วย พร้อมตั้งคณะทำงานควบคู่ ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์ขอดูหน้าคนใช้ท่าเรือ

เมื่อเวลา 9.30 น. วันนี้ ( 22 ก.ค.) ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายวัฒนา สุกใส ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสั่งแวดล้อมเป็นประธานการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นถึงแนวทางการแก้ปัญหาความเดือดร้อนจากการนำเรือเข้าออกท่า บริเวณท่าเลน หมู่ที่ 9 บ้านอ่าวกุ้ง จากการที่ร่องน้ำตื่นเขินทำให้ช่วงที่น้ำลงต่ำชาวประมงไม่สามารถนำเรือเข้าออกได้  โดยมีนายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนคณะกรรมาธิการการกฏหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ตัวแทนส.ส. จังหวัดภูเก็ต ตัวแทนนายเรวัต อารีรอบ ชาวบ้านในพื้นที่ต.ป่าคลอก และกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง เข้าร่วม

นายปัณยา กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 กรณีมีชาวบ้านในพื้นที่จำนวน 75 คนลงชื่อเรียกร้องให้ทางเทศบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการนำเรือเข้าออกจากท่าบริเวณท่าเลน หมู่ที่ 9 ต.ป่าคลอก เนื่องจากร่องน้ำตื้นเขินทำให้ช่วงน้ำลงต่ำชาวประมงไม่สามารถนำเรือเข้าออกได้ โดยครั้งแรกได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วม 99 คน มีคนที่เห็นด้วย 98 คน และไม่เห็นด้วย 1 คน ต่อมาทางกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้งได้ไปยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการการกฏหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนเองจากไม่เห็นด้วยกับการจัดเวทีดังกล่าวและทางกลุ่มไม่ทราบว่ามีการจัดเวที ทางประธานตณะกรรมาธิการฯจึงได้สั่งให้ทางเทศบาลจัดเวทีขึ้นมาใหม่

อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดเวทีในครั้งนี้ ทางชาวบ้านที่เรียกร้องให้มีการขุดลอกร่องน้ำ โดยนายเฉด ท่อทิพย์ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ระบุ ว่า ชาวบ้านมีความเดือดร้อนจากร่องน้ำที่ตื้นเขินทำให้การนำเรือเข้าออกเป็นไปด้วยความลำบาก ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นร่องน้ำที่มีอยู่เดิมมีชาวประมงใช้อยู่จำนวนหลายราย ซึ่งในพื้นที่บ้านอ่าวกุ้งมีท่าเออยู่ 2 ท่า คือ ท่าเลน และท่าคลอง ซึ่งในส่วนของคนที่ใช้ท่าเลนมีความเดือดร้อน จึงได้รวมตัวร้องขอมายังเทศบาลเพื่อให้ขุดลอกร่องน้ำเพื่อให้สามารถนำเรือเข้าออกได้ตลอดเวลา  ซึ่งในการประชุมรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมาที่ประชุมเกือบทั้งหมดเห็นชอบที่จะให้ดำเนินโครงการดังกล่าวเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมง

ขณะที่นายประดิษฐ์ คงเกตุ ประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านอ่าวกุ้ง กล่าวว่า พวกตนไม่ได้คัดค้าน แต่อยากทราบว่าที่ดังกล่าวเป็นที่อะไร เป็นพื้นที่ป่าชายเลนหรือไม่ ซึ่งในส่วนของท่าเทียบเรือที่มีอยู่จำนวน 2 ท่าคิดว่ามีเพียงพอแล้ว และอยากทราบเหมือนกันว่ามีคนที่เข้ามาร่วมเวทีในครั้งนี้มีคนที่ใช้ท่าเรือ อ่าวท่าเลนกี่คน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผ่นที่มาชี้ให้ประชาชนดูว่าพื้นที่ที่จะดำเนินการเป็นพื้นที่ป่าชายเลนหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการตรวจยึดพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่าชายเลนในบริเวณดังกล่าวมาแล้ว

เช่นเดียวกับตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์อีกราย กล่าวว่า ตามที่มีการบอกว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นร่องน้ำธรรมชาติ มีอะไรมาบ่งบอกว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นร่องน้ำธรรมชาติ รวมทั้งขอความชัดเจนเรื่องของป่าชายเลนและคจำกัดความ

ซึ่งหน่วยงานราชการที่ดูแลเรื่องป่าชายเลนได้ กล่าวชี้แจงว่า พื้นที่ที่มีการขอขุดลองร่องน้ำอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน ป่าอนุรักษ์ แต่เป็นป่าชายเลนโดยสภาพ มีร่องรอยน้ำขึ้น สภาพป่าโล่งเตียน

ขณะที่เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งภาคใต้ตอนบน กล่าวว่า ในส่วนของแนวปะการังมีแนวปะการังที่บริเวณเกาะเฮ  และเกาะอื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงโดยอยู่อย่างจากร่องน้ำดังกล่าวประมาณ 3-4 กิโลเมตร สำหรับเกาะเฮเป็นปะการังน้ำตื้นอยู่ในน้ำขุ่นได้ และเป็นปะการังเขากวางที่ฟื้นตัวจากการฟอกขาวเมื่อปี 53 ซึ่งถือว่าฟื้นตัวเร็วมาก ถ้ามีกิจกรรมที่ทำให้ตะกอนฟุ้งโดยไม่มีการป้องกันก็จะส่งผลกระทบต่อแนวปะการังได้

ขณะที่ทางเจ้าท่าภูเก็ต กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นร่องน้ำธรรมชาติ ซึ่งทุก ๆ ที่ที่มีเรือเข้าออกไม่ว่าจะเป็นเรือประมงหรือเรือท่องเที่ยว ก็ถือว่ามีสภาพเป็นร่องน้ำ

อย่างไรก็ตามหลังจากใช้เวลาในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตอบข้อซักถามในประเด็นต่างก็ได้เปิดให้มีการลงมติในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการนำเรือเข้าออกจากท่าบริเวณท่าเลน หมู่ที่ 9 ต.ป่าคลอก เนื่องจากร่องน้ำตื้นเขิน โดยที่ประชุมมีคนเห็นด้วยที่จะให้มีการขุดลอกร่องน้ำจำนวน 175 คน และไม่เห็นด้วย 24 คน

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการลงมติแล้วทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เสนอให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาศึกษาทั้งเรื่องของกฎหมาย และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง