เผาหมาคนเดือดร้อน 2 ฝ่ายร้องเดือดร้อน ผู้ว่าภูเก็ตจี้เร่งหาทางออก แต่ต้องโปร่งใส

โพสเมื่อ : Tuesday, May 1st, 2018 : 2.36 pm

 ชาวบ้าน หมู่ 2 ป่าคลอก ร้องเดือดร้อนหลังเอกชนเข้ามาทำธุรกิจเผาสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ ทนดมกลิ่นเหม็น/ควันที่เกิดจากการเผามาตลอด ขณะที่ผู้ประกอบการร้องเช่นกัน อ้างขออนุญาตก่อสร้างถูกต้อง แต่ทำไดแค่ 3 เดือน ถูกต่อต้านจนเดินหน้าธุรกิจไม่ได้ร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอถลางช่วย  ส่วนเทศบาลป่าคลอกสั่งยุติการใช้เตาเผาทุกกรณี ระบุยื่นขอสร้างเตาเผาขยะมูลฝอยจี้ส่งเอกสารเพิ่มหลังชาวบ้านร้อง ผู้ว่ารับลูกสั่งทุกหน่วยหาทางออกย้ำต้องโปร่งใส ไม่ซ่อนเร้น

จากกรณีมีการประกอบ ธุรกิจเผาสัตว์เลี้ยง ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต เมื่อประมาณเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้ประกอบการ ได้เช่าที่วัด โสภณวนาราม หรือ วัดป่าคลอก หมู่ที่ 2 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สร้างสถานที่เผาสัตว์เลี้ยง ในนาม  “สถานที่เผาสัตว์เลี้ยงแสนรัก โดย น.สพ.บุญชิต (ภูเก็ต) เป็นการให้บริการรับจัดพิธีกรรมเผาสัตว์เลี้ยงทุกชนิด อัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ตัวละ 2,000 บาท สำหรับสัตว์เลี้ยงที่น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม ถ้าเกินคิดเพิ่มกิโลกรัมละ 100 บาท นอกจากนั้นยังมีบริการรถรับส่ง ซึ่งนอกจากจะให้บริการรับเผาสัตว์เลี้ยงในจังหวัดภูเก็ต แล้วยังรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงในต่างจังหวัดด้วย โดยราคาดังกล่าวยังไม่คิดค่ารับส่ง ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

 

แต่อย่างไรก็ตามการประกอบธุรกิจดังกล่าวกลับทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนรำคาญ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็น และ ควัน ที่เกิดจากเผาสัตว์เลี้ยง จนต้องมีการรวมตัวเรียกร้องและร่วมลงชื่อส่งไปยังเทศบาลตำบลป่าคอลดให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนกระทั้งล่าสุดมีกระแสข่าว ว่า จะมีชาวบ้านในพื้นที่ รวมตัวประท้วง ธุรกิจรับเผาศพสัตว์เลี้ยง ซึ่งตั้งอยู่ในวัด โสภณวนาราม หรือวัดป่าคลอก ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

หลังทราบข่าวทางผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า บริเวณวัดมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน แต่ไม่ยอมไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประท้วงแต่อย่างใด ในขณะที่ในส่วนของเจ้าของธุรกิจ คือ นายสัตวแพทย์บุญชิต ศรีอร่าม สถานที่ เผาสัตว์เลี้ยงแสนรัก โดยนายแพทย์สัตวแพทย์บุญชิต (ภูเก็ต) พร้อมด้วยเพื่อนๆ กลุ่มผู้สนับสนุน ได้เดินทางมาที่วัดดังกล่าวเช่นกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจในพื้นที่ ค่อยดูแลความเรียบร้อย  นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลป่าคลอก นำโดยนายเรวัติ สมบัติทอง ปลัดเทศบาล ฯ เจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุข และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนาย สุรชาติ ห้าวหาญ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลป่าคลอก ซึ่งถูกระบุว่าเป็นแกนนำของกล่าวชาวบ้าน นายโชคชัย สืบศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.ป่าคลอก และ ชาวบ้านบางส่วนรวมสังเกตการณ์

 

ชาวบ้านรายหนึ่ง ได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิด ขึ้นระหว่างชาวบ้านกับธุรกิจการเผาสัตว์เลี้ยงของผู้ประกอบการเอกชน ว่า  ที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นที่เกิดจากเผาสัตว์เลี้ยงมาตลอด ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเริ่ม ดำเนินการมาประมาณเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายสัตวแพทย์บุญชิต ศรีอร่าม ได้เข้ามาเช่าที่วัด และ ขออนุญาตก่อสร้างจากเทศบาล หลังจากสร้างเสร็จก็เริ่มเผาสุนัข ตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงเดือน ม.ค. รวมประมาณ 30 กว่าตัว ซึ่งในช่วงที่มีการเผาชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดได้รับความเดือดร้อน ที่เกิดจากกลิ่นและควันที่เกิดจากการเผามาตลอด

ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร่วมลงชื่อร้องเรียนไปยังเทศบาล และ  มีการประชุมร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย หลายครั้ง แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ และยังมีการเผาสุนัขอยู่ แม้ว่าจะมีการขอให้ยุติการเผาไปก่อน จนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข และ หน่อยงานเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมลงมาตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน ให้เสร็จเรียบร้อย เพราะการประกอบธุรกิจดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านโดยตรง ชาวบ้านเองก็ไม่เข้าใจ ว่า ผู้ประกอบการไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่ทำไมถึงมาสร้างเตาเผาสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ป่าคลอก และก่อนที่จะมีการดำเนินกิจการไม่เคยที่จะมาสอบถามชาวบ้านในพื้นที่เลย ทั้งๆที่คนที่ได้รับผลกระทบเป็นคนในพื้นที่ ป่าคลอก

 

โดยก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมร่วมกันหลายครั้งระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจเผาสัตว์เลี้ยง และ ชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ผลการประชุมร่วมกันไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้ เนื่องจากทางชาวบ้านไม่ต้องการที่จะให้มีการเผาสัตว์เลี้ยงที่เตาเผาดังกล่าวจนกว่าจะมีการแก้ไข จนกระทั่งเจ้าของธุรกิจ ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอถลาง ทหาร โดยระบุ ว่า ได้รับการขัดขวางจากชาวบ้าน และ แกนนำประมาณ 5 คน จนไม่สมารถประกอบธุรกิจได้ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องลงมาตรวจสอบและเรียกตัวแทนชาวบ้านที่ถูกระบุว่าเป็นแกนนำชาวบ้านไปร่วมหารือ เพื่อหาทางออก อยากให้คนที่ทำมาสูดดมกลิ่นที่เกิดจากการเผาดูว่าการสูดกลิ่นควันเข้าไปทุกวันจะเกิดอันตรายมากน้อยแค่ไหน และสร้างความเดือดร้อนรำคาญมากน้อยแค่ไหน

ด้าน น.สพ.บุญชิต ศรีอร่าม สถานที่ เผาสัตว์เลี้ยงแสนรัก โดย น.สพ.บุญชิต (ภูเก็ต) กล่าวว่า การดำเนินกิจการดังกล่าวเกิดจากแรงบันดาลใจจากวัดต่างๆในพื้นที่ส่วนกลาง ที่เปิดดำเนินการเผาสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของคนหลายๆคน คิดว่าในภูเก็ตก็น่าจะมีสถานที่เผาสัตว์เลี้ยง เพื่อเผาสัตว์อันเป็นที่รัก และ แก้ไขปัญหาการทิ้งซากสัตว์ที่ตายแล้วโดยไม่มีการกำจัดที่ถูกต้อง ซึ่งอาจจะเป็นการแพร่เชื่อโรคได้ จึงมาติดต่อกับทางวัดป่าคลอกเพื่อขอเช่าที่ในการก่อสร้างเตาเผาสัตว์เลี้ยงโดยเสียค่าเช่าให้กับทางวัดเดือนละ 6,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าอาวาสที่สามารถดำเนินการได้

 

หลังจากนั้นก็ยื่นขออนุญาตกับทางเทศบาลในการก่อสร้าง และแจ้งทางเจ้าของพื้นที่ให้รับทราบ โดยไม่ได้มีการขออนุญาตทางด้านสาธารณะสุข และสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีกฎหมายรองรับเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยมีการระบุว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรที่เกิดขึ้น ก็จะมาตรวจไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งโดยส่วนตัวก็คิดว่าการเผาสัตว์เลี้ยงไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรมาก จึงได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา และ เริ่มเผาสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของนำมาให้ทางตนเป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่เดือน พ.ย.เป็นต้นมา จนถึงเดือน ม.ค. ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนมาถึงจุดหนึ่งก็ได้รับการคัดค้านจากแกนนำ และ ชาวบ้าน  ที่ไม่พอใจเจ้าอาวาส แต่นำเรื่องของตนเป็นประเด็น

 

ที่ผ่านมาพยายามที่จะทำความเข้าใจกับชาวบ้าน แต่ชาวบ้านก็ไม่ยอม ทำให้ตนไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อได้ และได้ไปหารือกับทางนายอำเภอถลาง จนมีการเรียกประชุมทั้ง ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ผู้นำชุมชน และ แกนนำ แต่ในส่วนของแกนนำไม่เข้าร่วม ทำให้ไม่สามารถยุติปัญหาได้ และมีการเปิดประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นมา ซึ่งตนก็พยายามแต่ไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมารองรับ ทำให้การดำเนินธุรกิจของตนทำไม่ได้ จึงอยากขอความเป็นธรรมจากทุกฝ่ายด้วย เพราะตนทำเรื่องนี้ไม่ได้หวังผลทางธุรกิจแต่ทำเพื่อช่วยจังหวัดภูเก็ต ช่วยคน รวมทั้งพร้อมที่จะช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ด้วย  ตนไม่เข้าใจว่าชาวบ้านต้องการอะไร ตนจะแก้ไขเรื่องของปล่องควันที่อยู่ต่ำเพื่อยกให้สูงขึ้นก็ไม่สามารถดำเนินการได้ จึงอยากขอความเห็นใจเช่นกัน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้

 

ขณะที่ นายเรวัต กล่าวว่า การสร้างเตาเผาสัตว์เลี้ยง ทางเจ้าของผู้ประกอบการได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างกับทางเทศบาลตำบลป่าคลอก เพื่อประกอบกิจการรับทำการกำจัดมูลฝอย ชื่อ เตาเผาสัตว์เลี้ยงแสนรัก โดย น.สพ.บุญชิต (ภูเก็ต) ตั้งอยู่ที่วัดป่าคลอก แต่ปรากฏว่าหลังจากมีการดำเนินการก็ได้มีการลงรายชื่อของชาวบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับการประกอบกิจการของธุรกิจดังกล่าวเนื่องจากส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ ทางเทศบาลจึงได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรว่าเจ้าของกิจการจะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้น ทางเทศบาลขอให้ทางผู้ประกอบการระงับการใช้เตาเผาทุกกรณีจนกว่าจะได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง รวมทั้งจะต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ

ล่าสุดวันนี้ ( 1 พ.ค.) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างธุรกิจเผาสัตว์เลี้ยงและคนที่ได้รับผลกระทบ ในการประชุมติดตามงานตามโครงการวาระยามเช้าบำบัดทุกข์บำรุงสุขและติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลจากผู้บริหารจังหวัดภูเก็ตครั้งที่ 18/ 2561 ที่ห้องประชุมจวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่า กรณีที่มี การร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการในเรื่อง กลิ่น และ ควัน จากการเผา สุนัข ในพื้นที่ป่าคลอก โดยขณะนี้ชาวบ้านได้ส่งเรื่องร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตเพื่อให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจดังกล่าว

ตนจึงมอบหมายให้ เทศบาลตำบลป่าคลอก สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ว่าการอำเภอถลาง สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 และท้องถิ่นจังหวัด ร่วมหาทางออก หากไม่ใช้วิธีเผา จะใช้วิธีฝังได้หรือไม่ ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่ายงานให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ไม่มีวาระซ่อนเร้น และ เกิดประโยชน์กับส่วนรวมไม่ทำให้ใครเดือดร้อน