เปิดให้ปั่นฟรีถึงสิ้นปีจักรยาน Ofo-Obike เฉพาะในตัวเมือง แจงใช้ให้ถูกกฎ

Ofo และ OBike ผู้ให้บริการจักรยานสาธารณะในภูเก็ต ขยายเวลาให้คนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวได้ปั่นฟรีไปจนถึงสิ้นปี เพื่อสร้างความคุ้นเคยการให้จักรยานสาธารณะยิ่งขึ้น หลังเปิดให้ปั่นฟรีมาระยะหนึ่ง พบเปิดแอปพลิเคชันฯวันละกว่าพันครั้ง แต่ยังมีคนไม่เข้าใจการใช้ Bike Sharing อีกมาก ทั้งใช้ผิดประเภท ผิดกฎหมาย นำไปเก็บไว้ที่บ้านเป็นสมบัติส่วนตัว ทำให้เสียหาย โยนลงลำคลอง ทั้งสองบริษัทเร่งทำความเข้าใจการใช้ที่ถูกต้อง พร้อมขอความร่วมมือผู้ที่ยึดเป็นสมบัติส่วนตัวนำมาคืนได้ที่สถานีตำรวจ

วันนี้ (20 ต.ค.) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานแถลงข่าวชี้แจงระบบการให้บริการจักรยานสาธารณะในจังหวัดภูเก็ต หรือ Bike Sharing โดยมีนายก้าน ประชุมพรรณ ประธานบริหาร นายนิพนธ์ เอกวานิช กรรมการบริหาร บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด หรือ PKCD นายกวี ตันสุคตานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ รอง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ตัวแทนจากบริษัท Ofo (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจากบริษัท Obike (ประเทศไทย) จำกัด และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ โรงแรมชิโนเฮ้าส์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อชี้แจงรายละเอียดถึงระบบการทำงาน ข้อควรปฏิบัติและบทลงโทษ การวางแผนความร่วมมือ ไขคำถามและตอบทุกข้อสงสัย และรายงานปัญหาและความคืบหน้า เพื่อให้สื่อมวลชนได้นำเสนอทำความเข้าใจกับประชาชนชาวภูเก็ตต่อไป

นายนิพนธ์ เอกวานิช กรรมการบริหาร บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด หรือ PKCD กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง ได้ร่วมกับทางจังหวัดภูเก็ต บริษัท Ofo (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการจักรยานสาธารณะจากประเทศจีน และ บริษัท Obike (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการจักรยานสาธารณะจากประเทศสิงคโปร์ มาให้บริการจักรยานสาธารณะ หรือ Bike Sharing ที่จังหวัดภูเก็ต และได้เปิดให้บริการเมื่อเร็วๆนี้

โดยขณะนี้ทาง ofo ได้นำจักรยานมาให้บริการที่ภูเก็ตแล้ว 1,500 คัน ส่วน Obike จำนวน 500 คัน ในเบื้องต้นให้จะให้บริการในเขตเทศบาลนครภูเก็ตเป็นพื้นที่นำร่องก่อนที่จะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ รอบเกาะภูเก็ต โดยกำหนดจุดจอดแล้ว 50 จุดและจะขยายเป็น 100 จุดในเร็วๆนี้ สำหรับ Ofo และ 20 จุด สำหรับ Obike และหลังจากที่ทั้งสองบริษัทได้ให้บริการฟรีมาระยะหนึ่งแล้ว จะมีการขยายการให้บริการปั่นฟรีไปจนถึงสิ้นปี 2560 นี้ เพื่อให้คนภูเก็ตเข้าใจและคุ้นเคยกับการใช้จักรยานสาธารณะมากขึ้น ก่อนที่จะจัดเก็บค่าใช้จ่ายครึ่งชั่วโมง 5 บาท ต่อไป

ปรากฏว่าประชาชนชาวภูเก็ต รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ให้ความสนใจใช้จักรยานสาธารณะกันเป็นจำนวนมาก จากสถิติมีการเปิดใช้จักรยานผ่านทางแอปพลิเคชันไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 ครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยว มีความรู้ในเรื่องของการใช้จักรยานผ่านทางแอปพลิเคชัน และนิยมใช้กันอย่างทั่วถึง ทุกเพศทุกวัย ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีว่าการใช้จักรยานแทนรถยนต์ในภูเก็ตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในจุดตามโรงเรียนต่างๆ อยากที่จะให้มีการใช้ให้มากขึ้นเพื่อลดการใช้รถยนต์ในการรับส่งนักเรียนทั้งจากบ้านมาโรงเรียนและจากโรงเรียนไปเรียนพิเศษ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การใช้จักรยานสาธารณะในภูเก็ตมีปัญหาเกิดขึ้นหลายประการด้วยกัน จากการที่ประชาชนยังไม่เข้าใจถึงการใช้จักรยานสาธารณะ ทำให้เกิดปัญหาตามมาทั้งในส่วนของการใช้รถผิดประเภท เช่น นำรถไปเป็นสมบัติส่วนตัวเก็บไว้ที่บ้าน จอดล๊อคโซ่ ทำผิดกฎหมาย เช่น โยนลงลำคลอง ทำให้เสียหาย ยกกลับบ้าน จอดในบ้าน เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังขาดความเข้าใจเรื่องการใช้จักรยานสาธารณะ ซึ่งในเรื่องนี้ ทางบริษัทจะเร่งประสัมพันธ์ทำความเข้าใจต่อไป และขอความร่วมมือผู้ที่นำจักรยานไปเก็บไว้ที่บ้านนำมาคืนที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน ทางบริษัทจะยังไม่ดำเนินการตามกฎหมายแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางบริษัท Ofo จะนำรถแห่ออกประชาสัมพันธ์ให้รับทราบในเร็วๆนี้ และจักรยานดังกล่าวเป็นของทั้งสองบริษัท ไม่ใช่จักรยานที่รัฐบาลนำมาจากตามที่บางส่วนเข้าใจ

นายนิพจน์ กล่าวเพิ่มว่า สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและการใช้บริการจักรยานสาธารณะ ของ บริษัท Ofo และ Obike นั้น ผู้ใช้ไม่สามารถยึดจักรยานเป็นทรัพย์สินส่วนตัวได้ เพราะมีความผิดทางกฎหมาย ส่วนการชำระเงิน สามารถเพิ่มข้อมูลบัตรเครดิต บัตรเดบิต โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายๆใดๆ ส่วนการใช้ Ofoในช่วงโปรโมชั่นตอนนี้ คือ ผู้ใช้สามารถปลดล็อคจักรยานโดยไม่ต้องเพิ่มข้อมูลการชำระเงินในครั้งแรก แต่เมื่อผู้ใช้ใช้ครั้งที่สอง จำเป็นจะต้องเพิ่มข้อมูลการชาระเงิน

เมื่อใช้จักรยานเสร็จทุกครั้ง ผู้ใช้จำเป็นต้องล็อคจักรยานเพื่อป้องกันการแอบอ้างสิทธิในการใช้ครั้งต่อไป สำหรับจุดจอดสามารถตรวจสอบได้จากสัญลักษณ์ตัว P ในแอปพลิเคชัน หรือจุดจอดที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และเมื่อพบจักรยานชารุด ผู้ใช้สามารถแจ้งได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน การกระทาการที่เกิดความเสียหายแก่จักรยานโดยตั้งใจ สามารถเอาความผิดได้ตามกฎหมาย