เด็กชายเหยื่อสุนัขจรจัดรุมขย้ำ อาการยังน่าห่วงแพทย์ผ่าตัดคืนนี้

โพสเมื่อ : Sunday, January 27th, 2019 : 10.58 pm

เหยื่อสุนัขจรจัดรุมขย้ำ อาการยังน่าห่วง แพทย์เร่งทำการผ่าตัด น้าสาวเล่านาทีช่วยเหลือจากคมเขี้ยว แม่เด็กระบุ รู้สึกน้อยใจระบบกฎหมายมีคุ้มครองสุนัขแต่ไม่คุ้มครองคนที่ถูกกัด 

จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วันนี้ (27 ม.ค.) ได้เกิดเหตุสุนัขจรจัด ที่อาศัยอยู่บริเวณ บริเวณแพปลา บ้านท่านุ่น (ใกล้สะพานสารสิน) ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา รุมกัดขย้ำ ด.ช.ยืนยง (ดีแมกซ์) ชัยราบ อายุ 7 ปี 8 เดือน อยู่บ้านเลขที่ 27/67 หมู่ 7 ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลจากการถูกกัด นับร้อยแผล ทั่วตัวตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้าซึ่งขณะนี้พักรักษาอาการบาดเจ็บที่ รพ.วชิระภูเก็ต

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ที่ผ่านมา ที่ห้องไอซียูศัลยกรรม โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พญ.ณัฐวรรณ เทพณรงค์ กุมารแพทย์ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งเป็นผู้ทำการรักษาได้พานางลำแพน แต้มสี อายุ 43 ปี มารดาของเด็กชาย ยืนยง หรือ น้องดีแม็ก บิดา และญาติๆ เข้าเยี่ยมอาการภายในห้อง ไอซียูศัลยกรรม เพื่อดูอาการเป็นเวลาสั้นๆประมาณ 5 นาที ก่อนให้ทั้งหมดออกจากห้องมาคอยอยู่ที่บริเวณด้านหน้า ก่อนที่คณะแพทย์จะนำตัวน้องยืนยงเข้าทำการผ่าตัด  

พญ.ณัฐวรรณ เปิดเผยว่า หลังจากรับตัวผู้ป่วยมา นายแพทย์วีระศักดิ์ หล่อทองคำ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ด้านการบริหาร  รักษาราชการแทน ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต ได้สั่งการให้ทีมแพทย์ 3 ทีม คือทีมแพทย์กุมารแพทย์ ทีมแพทย์ศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมตบแต่ง ทำการผ่าตัดรักษา โดยจะเริ่มทำการผ่าตัดในช่วงค่ำวันนี้  ในส่วนของผู้ป่วยนั้นขณะนี้ตัวน้องรู้สึกตัวดีความดันอยู่ในเกณฑ์ปกติให้ตัวยากระตุ้นหัวใจ และมีปัสสาวะออกดี ส่วนสภาพบาดแผลมีบาดแผลที่ศีรษะ คอ ลำตัว แขนขาสองข้าง โดยเป็นลักษณะบาดแผลฉีกขาดถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนังการรักษาเบื้องต้นได้มีการทำความสะอาดบาดแผลแค่ภายนอก

หลังจากนี้จะทำความสะอาดบาดแผลเพิ่มเติมและตกแต่งบาดแผลโดยศัลยแพทย์ทั่วไป และศัลยแพทย์ตกแต่ง โดยจะเข้าห้องผ่าตัดเพื่อประเมินบาดแผลในเชิงลึกอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องเฝ้าระวังดูอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมกับจะต้องประเมินบาดแผลเรื่องการติดเชื้อ รวมถึงเรื่องความดันโลหิต ส่วนสภาพจิตใจนั้นเท่าที่ประเมินพบว่ารู้สึกตัวดี แต่ว่ายังรู้สึกหวาดกลัวและปวดบาดแผลอยู่ จิตใจจะต้องได้รับการฟื้นฟูซึ่งจะต้องให้แพทย์จิตเวช มาช่วยประเมินสภาพอารมณ์และความรู้สึกอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นในคืนนี้คาดว่าจะต้องประเมินเรื่องบาดแผลและสัญญาณชีพฉุกเฉินไปก่อนและต้องอยู่ในห้องไอซียูเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ นางปรีดา ไมหมาด อายุ 39 ปี น้าสาวของ ด.ช.ยืนยงฯ กล่าวว่า ขณะที่ตนเองกำลังแต่งตัวจะไปทำงาน น้องชายของคนเจ็บวิ่งมาพร้อมด้วยน้องสาวอีกคนหนึ่ง โดยมาบอกว่าช่วยดีแมกซ์ด้วย น้องดีแมกซ์กำลังจะตาย ถูกหมากัด ตนเองรู้สึกตกใจจึงถามว่าอยู่ที่ไหน ทั้งสองจึงรีบพาไปยังที่เกิดเหตุตอนที่ไปพบน้องนอนอยู่ในแอ่งน้ำ กำลังใช้มือปัดสุนัข ซึ่งขณะนั้นมีสุนัขหนึ่งตัวกำลังกัดอยู่ที่ขา และอีกสองสามตัวกำลังวนเวียนอยู่โดยรอบ ซึ่งสุนัขกลุ่มดังกล่าวมีลักษณะคล้ายสุนัขพันธุ์บางแก้ว โดยตนและเด็กๆ ได้พกไม้คนละหนึ่งอันเพื่อป้องกันตัวเมื่อไปถึงก็ใช้ไม้แกว่งไปมา ทำให้สุนัขล่าถอย ก่อนจะเข้าไปช่วยน้องดีแมกซ์ออกมาได้

ด้าน นางลำแพน แต้มสี อายุ 43 ปี  แม่ของน้องดีแม็ก กล่าวว่า สุนัขทั้ง 4 ตัว นั้นเคยเห็นมาเป็นประจำโดยจะเข้ามาขโมยกินไก่ที่บ้าน ซึ่งตนเองเคยไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ดำเนินการ ล่าสุดได้เคยพุ่งเข้าตะครุบหลานๆ ซึ่งนั่งอยู่ที่ชายทะเลหลังบ้านแต่เคราะห์ดีช่วยได้ทัน สำหรับในวันนี้ตนเองนั้นออกไปทำงานให้หลานๆ อยู่ที่บ้าน 5 คน เมื่อทราบข่าวก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายขนาดนี้เพราะเพียงแค่สุนัขกัด จะทำให้อาการหนัก หลังจากที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตะกั่วทุ่ง และนำส่งมายังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต อาการไม่สู้ดีต้องแวะที่โรงพยาบาลถลาง เป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนจะส่งมาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

นางลำแพน กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ที่สภ.โคกกลอยอ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งหลังจากแจ้งความก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่แต่อย่างใด สำหรับสุนัขตัวดังกล่าว ทราบว่ามีคนเคยเลี้ยงไว้และเมื่อพบว่าดุร้าย มีการกัดสัตว์เลี้ยงจึงปล่อยให้อยู่เองในบริเวณนั้นและมาที่บริเวณบ้านของตนประจำ ตนเองเชื่อว่าเป็นกลุ่มสุนัขที่ดุร้ายเพราะขนาดช่วงที่ช่วยลูกชายนำส่งโรงพยาบาลก็ยังมีสุนัขสองตัววิ่งตามมาที่บ้าน ที่ผ่านมาสัตว์เลี้ยงไม่ว่าไก่หรือลูกหมูของชาวบ้านก็จะถูกกัดไปแล้วหลายตัว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือเนื่องจากตนเองก็ลำบากเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ต้องทำงาน ปกติตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ ตนเองจะอยู่บ้านกับลูกแต่วันนี้เป็นวันหยุดของลูกจึงต้องออกไปทำงาน ต้องปล่อยให้อยู่กันเอง

“โดยรู้สึกน้อยใจที่กฎหมายมีคุ้มครองสุนัขแต่ไม่คุ้มครองคน ถ้าเป็นสุนัขถูกรถชนก็จะไม่วิกฤตเพราะมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือช่วยเหลือจำนวนมาก แต่วันนี้ลูกของตนทั้งคนจะให้คิดยังไง ทั้งนี้ลูกชายของตนนั้นเป็นนักกีฬาดีเด่นของโรงเรียนบ้านท่านุ่น มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ตนเองก็ไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไรอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลลูกของตน”นางลำแพนกล่าวในที่สุด