อบจ. เดินหน้า ต่อถนนหลังวัดหลวงปู่สุภา เชื่อมป่าตอง เร่งขออนุญาตกรมป่าไม้ ทำถนนให้ได้มาตรฐาน แก้ปัญหาอุบัติเหตุ

เดินหน้าต่อ ถนนหลังวัดหลวงปู่สุภา เชื่อมป่าตอง หลัง อบจ.ภูเก็ต ปรับปรุงเสร็จ เปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ยังไม่ปลอดภัย เกิดอุบัติเหตุบ่อย เร่งขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ทำให้เป็นถนนมาตรฐานรถทุกชนิดสามารถวิ่งได้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (10 มี.ค.) นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นายวัฒนพงศ์ สุกใส ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต (ทสจ.) พร้อมด้วย นายสมชาย นุชนานนท์เทพ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักป่าไม้เขต 12 กระบี่ นายทิวัตถ์ สีดอกบวบ รองนายก อบจ.ภูเก็ต นายเฉลิมศักดิ์ มณีศรี นายกเทศมนมนตรีเมืองป่าตอง สมาชิกสภา อบจ.ภูเก็ต เทศบาลเมืองป่าตอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ กองช่าง อบจ.ภูเก็ต และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บริเวณถนนเส้นหลังวัดหลวงปู่สุภา (ฉลอง) – ป่าตอง

เพื่อตรวจสภาพถนนเส้นดังกล่าว หลังจากที่ อบจ.เข้ามาดำเนินการจนแล้วเสร็จในขณะนี้ และเปิดให้รถสามารถวิ่งผ่านไปมาได้แล้ว รวมทั้งเพื่อปรึกษาหารือถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่จะเปิดช่องให้ อบจ.ภูเก็ต เข้ามาดำเนินสร้างถนนเส้นนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด และ ให้รถทุกชนิดสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัยสูงสุด

เนื่องจากในปัจจุบันนี้ สภาพถนนยังเป็นถนนดินและมีหินคลุกผสม บางช่วงเป็นเนินสูงชัน รถเล็ก และจักรยานยนต์ ไม่สามารถผ่านไปมาได้สะดวกและปลอดภัย ทำให้ทาง ทสจ.และ อบจ. ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า จักรยานยนต์ของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเกิดอุบัติเหตุล้มขณะลงเนินสูงบ่อยครั้ง ทำให้ไม่ปลอดภัย

ทั้งนี้เนื่องจากการสร้างถนนสายดังกล่าว สร้างในช่วงที่ภูเก็ตเกิดน้ำท่วม ดินถล่มในถนนเส้นหลักที่จะไปป่าตอง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 ตามที่จังหวัดภูเก็ตได้ประกาศภัยพิบัติ แต่เมื่อพ้นจากประกาศภัยพิบัติแล้ว อบจ.ภูเก็ต ไม่สามารถสร้างถนนสายนี้ต่อไปได้ เพราะถนนสายหลักสามารถใช้งานได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม จากการหารือในวันนี้ การที่ อบจ.ภูเก็ต จะเข้าไปดำเนินการถนนสายนี้ต่อให้เสร็จสมบูรณ์ ให้รถทุกขนาดสามารถสัญจรได้สะดวกและปลอดภัยนั้น จะต้องได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้ ในการใช้พื้นที่ป่าสงวนเทือกเขานาคเกิดทำถนน ซึ่งนายสมชาย นุชนานนท์เทพ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักป่าไม้เขต 12 กระบี่ แจ้งว่า สำหรับการขอใช้พื้นที่ป่าสงวนเทือกเขานาคเกิดทำถนนเส้นนี้นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำเรื่องขออนุญาตจากกรมป่าไม้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม่ได้สำรวจพื้นที่แล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดทำเอกสารเพื่อส่งไปยังสำนักป่าไม้เขต 12 กระบี่ เพื่อทำเรื่องขออนุญาตไปยังกรมป่าไม้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน หลังจากนั้นจะต้องรอกรมป่าไม้อนุญาต ส่วนกรมป่าไม้จะอนุญาตเมื่อไหร่นั้นไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่ทางสำนักป่าไม้ 12 กระบี่ จะติดตามเรื่องนี้ให้อย่างต่อเนื่อง

ด้าน นายเรวัต อารีรอบ นายก อบจ.ภูเก็ต ระบุว่า ถนนสายดังกล่าว อบจ.ภูเก็ต ได้เข้าดำเนินการแล้วเสร็จ โดยใช้ระเบียบที่เป็นมติ ครม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2563 และเปิดให้รถสัญจรไปมาได้แล้ว แต่จะต้องเป็นรถโฟลวิลถึงจะปลอดภัย เนื่องจากยังเป็นถนนดินผสมกับหินคลุก และเป็นเนินสูงชันในบางช่วง รถเล็กและจักรยานยนต์ยังไม่สามารถใช้ทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย 100% การใช้ทางจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง และที่ผ่านมา อบจ. ก็ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านถึงความไม่ปลอดภัยของการใช้ถนนสายนี้ จึงอยากจะทำถนนเส้นนี้ให้เสร็จสมบูรณ์

แต่ทาง อบจ.ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เพราะเกรงว่าจะผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของประกาศภัยพิบัติของจังหวัดภูเก็ต กฎหมายของป่าไม้ เพราะพื้นที่ที่ตัดถนนเส้นนี้อยู่ในพื้นที่ป่าไม้ ในส่วนของ อบจ.ภูเก็ต นั้นพร้อมที่จะเข้ามาดำเนินการสร้างถนนสายนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ 100% หากได้รับการอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้กองช่างทำการออแบบถนนคู่ขนานไปกับการขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ ซึ่งตั้งใจที่จะเทคอนกรีตหรือลาดน้ำมันดำ เพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด เพราะถนนสายนี้มีความสำคัญมาก หากถนนสายหลักที่จะเข้าป่าตองต้องปิดการจราจรเหมือนตอนที่เกิดดินไลด์

ขณะที่ นายวัฒนพงศ์ สุกใส ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภูเก็ต กล่าวว่า เพื่อให้ถนนเส้นนี้มีความปลอดภัยสูงสุดในการใช้งาน จำเป็นที่จะต้องตัดความชันของถนนลงมาอีก แต่ทาง อบจ.ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ เนื่องจากประกาศพิบัติของจังหวัดภูเก็ตได้หมดลงแล้ว ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องให้ท้องถิ่น คือ เทศบาลตำบลฉลอง และ เทศบาลเมืองป่าตอง ทำหนังสือไปถึงจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอต่อประกาศภัยพิบัติดังกล่าวออกไปอีก เพื่อให้ อบจ.ภูเก็ต ได้เข้ามาดำเนินการต่อในบางจุดที่ยังไม่มีความปลอดภัย โดยเฉพาะในจุดที่เป็นเนินสูง เป็นต้น