หนุ่มหื่นลวนลามคนไข้ ไม่ขึ้นทะเบียน  ผอ.รพ.วชิระภูเก็ตแถลง เตรียมเพิ่มมาตรการดูแล

โพสเมื่อ : Friday, March 8th, 2019 : 6.07 pm

หนุ่มหื่นลวนลามคนไข้สาวประเภทสอง ไม่ขึ้นทะเบียนดูแลคนไข้กับรพ. – ผอ.รพ.วชิระภูเก็ตแถลง แจ้ง ข้อกล่าวหากระทำอนาจารในสถานที่ราชการเพิ่ม เตรียมใช้มาตรการความปลอดภัยเข้มงวด โดยเฉพาะสาวประเภทสอง

จากกรณีผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊ก ว่า  “พะเพลง สมายด์” ได้โพสต์วีดิโอคลิป และภาพนิ่ง ลงในกลุ่ม “บอกข่าวแจ้งเหตุ ช่วยเหลือกันคนภูเก็ต” ซึ่งเป็นภาพขณะที่ได้พยายามขัดขืนหลังถูกชายร่างใหญ่เข้าลวนลามในห้องคนไข้ของโรงพยาบาล จนกลายเป็นข่าวฉาวและมีการวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ ( 8 มี.ค.) ที่ห้องช่อม่วง ชั้น 5 ตึกคุณพุ่ม โรงพยาบาลวชิระ ภูเก็ต นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พร้อมด้วยผู้บริหาร หัวหน้าพยาบาลและผู้เกี่ยวข้อง ได้แถลงชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นสาวประเภทสอง ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยอาการหายใจเร็วและเหนื่อย มีอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ยังมีอาการเกร็งร่วมด้วย ซึ่งในช่วงแรก แพทย์ได้ให้ยา  และเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็เคยเข้ารับการรักษาจากอาการดังกล่าวมาแล้ว 

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ ผู้ที่มาเฝ้าไข้ผู้ป่วยเตียงที่อยู่ใกล้ๆ กัน ได้เข้าไปลวนลามผู้ป่วยคนดังกล่าว โดยการจูบและลูบคลำบริเวณหน้าอก ซึ่งขณะนั้นญาติของผู้ป่วยยังไม่มาเฝ้าไข้ ทำให้ต้องอยู่คนเดียว อาการของผู้ป่วยขณะนั้น คือ มีผื่นตามลำตัวจึงมีการฉีดยาแก้แพ้ ทำให้มีอาการซึมๆ”

นายแพทย์เฉลิมพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของผู้ก่อเหตุเป็นญาติของผู้ป่วยเตียงที่อยู่ใกล้ๆ กัน เป็นชาย อายุประมาณ 40 ปี  ด้วยปกติทางโรงพยาบาลมีนโยบายว่า สามารถให้ญาติเข้าไปนอนเฝ้าไข้ ได้เตียงละ 1 คน เนื่องจากอัตรากำลังของโรงพยาบาลไม่เพียงพอ และตึกที่เกิดเหตุเป็นตึกอายุรกรรมชาย มีพยาบาล 2 คน และ ผู้ช่วยพยาบาล 2 คน

หลังจากที่น้องได้ร้องโวยวายขอความช่วยเหลือ ทางพยาบาลได้แจ้งให้กับหัวหน้าเวรพยาบาลทราบ และรีบเข้ามาช่วยเหลือ พบกับผู้ต้องสงสัยจึงได้เรียกมาสอบถาม และยอมรับว่าเป็นคนทำอนาจารผู้ป่วยรายดังกล่าว โดยเล่ารายละเอียดทั้งหมด เนื่องจากมีอาการมึนเมา หลังจากฟังรายละเอียดแล้วทางหัวหน้าเวรก็นำชายดังกล่าวไปขอโทษผู้ป่วยที่ถูกลวนลาม ซึ่งก็ได้เข้ามาขอโทษด้วยการยกมือไหว้ ทราบว่าผู้ก่อเหตุทางญาติของผู้ป่วยรายหนึ่งจ้างมาเฝ้าไข้ และ ที่ผ่านมาเคยมารับเฝ้าไข้ซึ่งเป็นการติดต่อกันเองไม่ได้ขึ้นกับทางโรงพยาบาล

“ หลังจากที่มีการขอโทษกันแล้ว ด้วยเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับผู้ป่วยคนดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นผู้ชายแต่หน้าตาสวย พยาบาลหัวหน้าตึกจึงได้ย้ายไปอยู่ตึกสงฆ์แทน ซึ่งทางญาติก็ยังมีความไม่พอใจ และทราบว่ามีการไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว  โดยต้องการให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุดังกล่าว  หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น (6 มี.ค.) ทางพยาบาลหัวหน้าตึกก็ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ พร้อมสั่งห้ามเข้ามาทำหน้าเฝ้าผู้ป่วยในโรงพยาบาลโดยเด็ดขาด

พร้อมทั้งมีการแจ้งให้หัวหน้าตึกอื่นๆ รวมทั้งผู้บริหารทราบ เพราะทำให้โรงพยาบาลเสียชื่อเสียง และได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีกับชายคนดังกล่าวเช่นกัน ในข้อกล่าวหา กระทำอนาจารในสถานที่ราชการ (โรงพยาบาล)ด้วย เนื่องจากสังคมรับทราบ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมและไม่ควรที่จะเกิดขึ้น”

นายแพทย์เฉลิมพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของมาตรการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ทางคณะผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องได้มีการประชุมและทบทวนหาสาเหตุ รวมถึงกำหนดมาตรการในการป้องกัน โดยจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะมารับเฝ้าไข้อย่างเข้มข้น ซึ่งปกติกรณีของผู้เฝ้าไข้ก็จะมีบัตรสำหรับผู้เฝ้าไข้ที่มีการดำเนินการอยู่แล้วและที่เข้มงวดมากเป็นพิเศษ คือ ผู้เฝ้าไข้ตึกคลอด โดยจะต้องมีการแลกบัตรและมีการกำหนดกฎกติกาในการเฝ้าและเยี่ยมอย่างเข้มงวด เป็นการป้องกันเหตุเด็กหายหรือสลับตัวเด็ก ซึ่งได้ผลดี

หลังจากนี้จะนำไปใช้ในตึกผู้ป่วยอื่นๆ ต่อไป ซึ่งผู้เฝ้าไข้จะมีการแลกบัตรประจำตัวประชาชนไว้ มาตรการต่อมาเมื่อหมดเวลาเยี่ยมผู้ป่วยคือ 20.00 น. จะมีการปิดล็อกประตูห้องพักผู้ป่วย และ มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยตรวจสอบผู้ไม่มีบัตรก็ต้องออกจากห้องพักผู้ป่วย และประเด็นสำคัญ เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว และมีสาวประเภทสองหน้าตาดีๆ  แต่เนื่องจากคำนำหน้าชื่อยังเป็นนาย ก็จะต้องพักรักษาตัวร่วมกับผู้ชาย ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงมากหากมีกรณีเช่นที่เกิดดังกล่าวขึ้นอีก จึงจะให้นอนพักรักษาตัวอยู่กับเตียงที่ใกล้กับเคาน์เตอร์พยาบาล เพื่อให้อยู่ในสายตาป้องกันไม่ให้มีเหตุ

นอกจากนี้จะเพิ่มการอบรมกวดขันผู้ที่มีอาชีพรับจ้างเป็นผู้ช่วยเหลือพยาบาลในการเฝ้าไข้จากเดิมที่มีอยู่แล้วเกี่ยวกับมาตรการที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบของโรงพยาบาล รวมถึงพื้นฐานในการเฝ้าไข้ และการจัดทำฐานข้อมูลรายชื่อผู้ดูแลผู้ป่วย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในระบบแล้วประมาณ 100 คน แต่จะมีการทบทวนให้เข้มงวดมากขึ้น ตลอดจนญาติของผู้ป่วยที่จะมาเฝ้าไข้จะต้องมีการแลกบัตร เพื่อให้รู้ตัวตน