หนุ่มภูเก็ตน้ำใจงามซื้อรถจักรยานใหม่ให้พ่อค้าขายถั่วต้มหลังรถถูกชนยับ

โพสเมื่อ : Thursday, May 11th, 2017 : 2.21 pm

  1. หนุ่มภูเก็ตน้ำใจงาม ซื้อรถจักรยานใหม่ให้พ่อค้าขายถั่วต้ม หลังเห็นข้อความในเฟซบุ๊ค จักรยานคู่ชีพพังเสียหายจากเหตุรถชนแล้วหนี ยืนยันการช่วยเหลือในครั้งนี้ไม่หวังผลตอบแทน แค่คนรับมีความสุขยิ้มได้ก็พอใจแล้ว เผยที่ผ่านมาเห็นปู่เป็นไอดอล ให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้านมาโดยตลอด จึงอยากเดินตามรอยการทำความดี ตามกำลังที่สามารถทำได้

จากกรณีมีการโพสต์เฟซบุ๊ค ไปในกลุ่ม “ขับรถแบบนี้ต้องประจาน พื่อขอบคุณ หนุ่มรายหนึ่งที่ช่วยเหลือซื้อรถจักรยานคันใหม่ ทดแทนรถจักรยานคันเก่าของน้าชาย ที่คนขับรถชนพังเสียหาย มีใจความว่า “น้าผมได้ถูกรถชนซึ่งผู้ชนได้หนีโดยไม่มาถามว่าเป็นยัง รถคันนี้น้าผมไว้ปั่นขายของทำมาหากิน รถพังแบบนี้จะเอารถไหนทำมาหากิน แต่มีพี่ผู้ชายคนนี้ได้นำรถคันใหม่มาให้ได้ทำมาหากินกันต่อไป ขอบคุณ ผู้ใจบุญ ใจดี จากเชิงทะเล มอบรถจักรยานคันใหม่ ให้น้าผม #ฝากแชร์โฉมหน้าคนดีที่ยังมีอยู่ในสังคมให้โลกได้รับรู้ด้วยครับ #ขอบคุณครับ”

อย่างไรก็ตามหลังจากมีการโพสต์ข้อความและรูปภาพออกไป ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและชื่นชมความมีน้ำใจของชายหนุ่มคนดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก บางคนอยากจะเข้าไปช่วยเหลือเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังชายหนุ่มดังกล่าวซึ่งทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายชัยวัฒน์ รัตตนิทัศน์ อายุ 27 ปี พนักงานโรงแรม อังสนา ลากูน่า รีสอร์ท อยู่บ้านเลขที่ 201 ถ.ศรีสุนทร ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อขอทราบความเป็นมาการเข้าไปให้ความช่วยเหลือพ่อค้าที่ถูกรถชนจักรยานจนได้รับความเสียหาย ว่า

เมื่อช่วงเที่ยงของวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะนั่งทานข้าวกับแฟนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เห็นในเฟซบุ๊คมีคนเข้ามาโพสต์ข้อความ ว่า เมื่อเช้าวันนี้ (8 พ.ค.) มีคนขับรถมอเตอร์ไซชนหลี่ถัง แล้วไม่หยุดลงมาดู เขาทำงานเป็น รปภ แต่ไม่รู้บริษัทอะไร ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร แต่อยากให้ลงมาดูหน่อย คนที่คุณชน เขาเป็นคนพิการ ข้าวของเขาหล่นเสียหายเกือบหมด….#หลี่ถังเป็นคนพิการตั้งแต่กำเนิด ทุกวันหลี่ถัง จะปั่นจักรยานเพื่อไปขายของ โดยเอาของที่ขายใส่ตะกร้าท้ายจักรยาน หลี่ถังจะขายอยู่แถวบ้านดอน-ป่าสัก-โคกโหนด-ลากูน่า(โรงซักรีด)ทุกคนละแวกนี้จะรู้จัก หลี่ถัง ดีเขาเป็นคนพิการเวลาปั่นจักรยานก็เป๋ไปเป๋มาเหมือนคนเมา อยากให้ทุกท่านที่สัญจรไปมา ถ้าเห็นเขาให้ระวังเขาด้วย ฝากเพื่อนๆช่วยแชร์ต่อๆด้วยครับ ให้ขับรถระวังๆกันหน่อย และฝากอุดหนุนคนพิการ ที่เขาสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ #ขอบคุณครับ”

 

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อเห็นข้อความดังกล่าวก็ได้ปรึกษากับแฟน ที่นั่งทานข้าวด้วยกัน ว่า อยากจะซื้อจักรยานคันใหม่ให้กับ คนชื่อ “หลี่ถัง” แม้ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่เคยเห็นเขาปั่นจักรยานไปขายของเป็นประจำ และเห็นมานานแล้ว แม้สภาพร่างกายจะไม่อำนวยแต่มีความขยันไม่หยุดนิ่ง หลังจากคุยกันก็เลยตัดสินใจโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว เพื่อตามหา “หลี่ถัง” เพราะไม่ทราบว่าบ้านของหลี่ถัง อยู่ที่ไหน จนกลับมาทำงานที่โรงแรม ทราบจากรุ่นพี่ว่าบ้านของ หลี่ถัง อยู่ใกล้กับบ้านของรุ่นพี่ ซึ่งอยู่ที่บ้านดอน ต.เชิงทะเล เช่นเดียวกัน หลังเลิกงานจึงไปหาที่บ้าน เพื่อไปพบกับหลีถัง และครอบครัว เพื่อแจ้งความประสงค์ที่จะช่วยเหลือ หลีถัง

เมื่อไปถึงหลายคนก็สงสัย ว่า ตนเป็นคนขับรถชนรถจักรยานของ หลี่ถัง บางคนก็ไม่เชื่อว่าตนจะเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งก็ต้องจี้แจงทำความเข้าใจกับครอบครัวและคนรอบข้าง ว่าตนไม่ใช่คนที่ขับรถชน และการเข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้ก็ไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไร และจากการพุดคุยว่า สำหรับรถจักรยานที่ถูกชนนั้นได้พาไปซ่อมแล้วเป็นเงิน 300 บาท แต่ตนเห็นสภาพแล้วน่าจะยังปั่นได้ แต่ก็อยู่ในสภาพเก่ามาก จึงได้สอบถามความต้องการว่าจะให้ช่วยเหลือเป็นอะไร จะเอารถจักรยานใหม่หรือเงิน ตอนนั้นคิดว่าถ้าต้องการเป็นเงินก็จะแบ่งเงินในกระเป๋าครึ่งหนึ่งให้กับเขาไป แต่ถ้าเอาจักรยานก็จะไปหาซื้อมาให้ ซึ่งต้องใช้เวลาเกลี่ยกล่อมอยู่นาน ทาง หลีถัง จึงบอกว่าอยากได้จักรยาน ใหม่ และเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของคนใช้ก็ได้สอบถามในรายละเอียดของรถจักรยานว่าต้องการแบบไหนสีอะไร

 

หลังจากได้ข้อมูลเกี่ยวกับรถจักรยานที่อยากได้ได้ ตนกับแฟนก็ออกไปหาซื้อรถจักรยานทันทีก็ตระเวนไปหลายๆที่ แต่ก็ไม่มีที่ไหนขาย ซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณ 18.00 น. แฟนก็เลยบอกว่าค่อยหาใหม่ไปกินข้าวกันก่อน ค่อยเอาไปให้พรุ่งนี้ก็ได้ จึงแวะไปหาอะไรกินที่โลตัส แต่เหมือนโชคเข้าข้าง เดินผ่านไปพบร้านขายจักรยานในโลตัส ซึ่งตรงกับความต้องการของ หลี่ถัง ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นขนาดของรถ สี จึงตัดสินใจซื้อและนำไปมอบให้ทันที

 

“แว๊ปแรกที่เห็นจักรยาน หลี่ถัง ยิ้มทั้งปากทั้งตา นาทีนั้นตนรู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมาก เพราะการทำความดีตนก็ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน แค่คนรับมีความสุขตนก็มีความสุขด้วย แม้ว่าราคาจักยานจะไม่แพงมากนักสำหรับคนอื่น แต่สำหรับหลีถังเค้ามองด้วยความดีใจ เหมือนกับเค้ารอสิ่งนี้มานานแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากมอบจักรยานเสร็จก็เดินทางกลับ แต่เพื่อนที่ทำงานมาบอกว่า หลังจากได้จักรยานไป หลีถัง ดูแลจักรยานเป็นอย่างดี มีการเช็ดถูทุกกลังที่กลับจากขายของ และนำผ้ามาคลุมทุกวัน หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าตนก็รู้สึกดีใจว่าสิ่งที่เราทำเป็นการสร้างความสุขให้กับคนที่ได้รับ

 

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การจะทำให้ตัวเองมีความสุขสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งตนเลือกทำความดี หรือทำบุญด้วยการช่วยเหลือคนอื่น แทนที่จะนำเงินไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุหร่าย หลายคนถามว่าทำไมไม่ให้เงิน โดยส่วนตัวที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกคือการมอบจักรยานให้ เพราะคิดว่าการมอบจักรยานให้เหมือนกับเป็นการช่วยให้เค้ามีอาชีพ และมีลู่ทางในการประกอบอาชีพต่อไป เพราะจักรยานมีความสำคัญกับเขามากในการใช้เป็นยานพาหนะไปขายของ แต่ถ้าให้เป็นเงินซึ่งตนก็ยินดีที่จะช่วยหากเป็นความต้องการ แต่มองว่าถ้าให้เป็นเงินไม่นานก็หมดไป

 

นายชัยวัฒน์ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนมีปู่เป็นไอดอล ในการทำความดี ที่ผ่านมาปู่ ของตนให้ความช่วยเหลือคนอื่นมาโดยตลอดเป็นการช่วยเหลือตามกำลังความสามารถ และผลจากการทำความดีของปู่ได้ส่งผลมาถึงลูกหลานในปัจจุบัน จะไปที่ไหนก็ยังมีคนพูดถึงและให้ความรักมาโดยตลอด ตนอยากเป็นเหมือนปู่ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีมีคนรักและคนชื่นชมในความดีที่เราทำ และ การทำความดี ช่วยเหลือคนอื่น ตนได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ปัจจุบันตนไม่นิ่งนอนใจที่จะให้ความช่วยเหลือถ้าเห็นคนอื่นเดือดร้อน ซึ่งจะเข้าไปช่วยเหลือตามกำลังความสามารถตามที่ทำได้ และ ตัวเองรวมทั้งคนในครอบครัวไม่เดือดร้อน