สั่งอบรมใหม่ –สำรวจคลองเกาะแก้ว ล้อมคอกป้องกันเกิดเหตุซ้ำ ยึดใบอนุญาตขับเรือ 2 กัปตัน

โพสเมื่อ : Monday, February 10th, 2020 : 9.47 pm

อธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมผู้ว่าฯ ลงพื้นที่หาสาเหตุเรือชน จี้ล้อมคอกอบรมคนขับเรือใหม่ สาเหตุในเบื้องต้นเกิดจากขับเร็ว สำรวจคลองเกาะแก้วป้องกันเกิดเหตุซ้ำ พักใช้ใบนายท้ายเรือ 2 กัปตัน คนละ 2 ปี

จากกรณีเกิดเหตุเรือสปีดโบ๊ทชนกันที่บริเวณร่องน้ำคลองเกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ตเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ( 10 ก.พ.) จนเป็นเหตุให้ 2 พี่น้องชาวรัสเซียวัย 12 และ 6 ซึ่งเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตพร้อมกับปู่และย่าเสียชีวิตเนื่องจากสมองกระทบกระเทือน และมีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วันเดียวกัน นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผบก. บก.ทท.3 ว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือโบ๊ทลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต เพื่อตรวจสอบสภาพเรือ ALP 111  ของบริษัท Andaman Leisure Phuket จำกัด (ALP) หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปยังท่าเทียบเรือรอยัลภูเก็ต มารีน่า เพื่อตรวจสอบเรือปาหยัน 5 ของบริษัท ซีสตาร์อันดามัน จำกัด ซึ่งเรือทั้ง 2 ลำ เป็นเรือที่เกิดอุบัติเหตุจากการเหตุชนประสานงา ภายในคลองเกาะแก้ว ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสภาพเรือทั้ง 2 ลำ ว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้สูญเสีย ทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุเรือชนประสานงากัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นเด็กชายและเด็กหญิงชาวรัสเซียเสียชีวิตจำนวน 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน  19 คน ซึ่งขณะนี้แพทย์อนุญาตให้กับไปพักผ่อนที่โรงแรมได้แล้ว 18 คน ยังคงมีผู้ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 1 คน เพื่อรอดูอาการ นอกจากนี้ยังมีคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย โดยเป็นกัปตันเรือ พนักงานประจำเรือและไกด์

สำหรับในส่วนการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้น มีกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยว ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำหรับผู้เสียชีวิตเป็นเงินรายละ 1 ล้านบาท และผู้บาดเจ็บช่วยเหลือในวงไม่เกิน 500,000 บาท นอกจากนี้ยังมีเงินเยียวยาอีกส่วนหนึ่งจากบริษัทนำเที่ยวที่ได้ทำไว้กับบริษัทเอเชียอาคเนย์ โดยช่วยเหลือในกรณีเสียชีวิต รายละ 500,000 บาท และผู้บาดเจ็บซึ่งจ่ายตามความเป็นจริงรายละไม่เกิน 500,000 บาท

ขณะที่นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า กรมเจ้าท่าขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ และมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก กรณีเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างเรือ  ALP 111 กับเรือปาหยัน 5 นั้น หลังรับรายงานตนได้สั่งการให้เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นในส่วนของเจ้าท่าฯ ได้สั่งห้ามการใช้เรือทั้ง 2 ลำ พร้อมส่งมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อเป็นของกลาง ส่วนนายท้ายเรือทั้งสองลำได้มีการงดใช้ประกาศนายท้ายเรือเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นโทษสูงสุด

ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ คาดว่า น่าจะเกิดจากการขับขี่เรือที่ค่อนข้างเร็ว ประกอบกับสภาพลำคลองที่มีความโค้ง โดยสั่งการให้เจ้าท่าฯ ภูเก็ตนำพนักงานขับเรือทั้งหมดมาอบรมใหม่เพื่อให้เกิดความชำนาญและมีความรับผิดชอบมากขึ้น  เพราะเบื้องต้นพบมี 2 เรื่อง คือ ความชำนาญเกี่ยวกับร่องน้ำ ซึ่งบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นร่องน้ำที่มีความโค้ง ทำให้ค่อนข้างจะขับยากแต่คนขับเรือก็ยังใช้ความเร็วสูง ซึ่งต้องไปหาความชำนาญให้กับคนขับเรือที่ใช้คลองเกาะแก้วในการสัญจร เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ความช่วยเหลือจะต้องเป็นไปอย่างทันท่วงที เพื่อลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นให้ได้ และขอให้เชื่อว่า กรมเจ้าท่า ได้เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือ ตัวเรือ คนขับเรือและผู้เกี่ยวข้องกับเรือทั้งหมด  มีมาตรฐานกำหนดไว้แล้ว

และอยากฝากไปยังผู้ประกอบการให้คำนึงถึงความปลอดภัย หากพบเห็นเรือไม่ปลอดภัย คนไม่ปลอดภัยหรือท่าเรือไม่ปลอดภัย ขอให้แจ้งไปยังหมายเลข 199  หรือประสานงานไปยัง จ.ภูเก็ตก็ได้ ซึ่งเจ้าท่าฯ พร้อมเข้าไปดำเนินการให้เกิดความปลอดภัยและมั่นใจกับผู้ใช้บริการ” นายวิทยากล่าวและว่า

ในส่วนของการอบรมพัฒนาคนขับเรือนั้น ได้สั่งการให้รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.ภูเก็ต ดำเนินการโดยเร็ว เนื่องจากร่องน้ำแต่ละจุดจะมีความแตกต่างกัน ดังนั้นจะต้องมีความชำนาญในการสัญจร ส่วนของสภาพร่องน้ำที่อาจจะมีปัญหานั้น จากสภาพที่เห็นได้มีการสั่งการให้มีการสำรวจเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากคลองเกาะแก้วเป็นเส้นทางเข้า-ออกของเรือจำนวนมาก และในบริเวณดังกล่าวยังมีมารีน่าถึง 2 มารีน่า และมีข้อมูลว่า มีเรือนำนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่าง ๆ วันละนับพันคน ดังนั้นความปลอดภัยจึงไม่ได้คำนึงเฉพาะตัวเรือหรือพนักงานขับเรือเท่านั้น แต่เรื่องของร่องน้ำเป็นปัจจัยหนึ่งของความปลอดภัยในการเดินเรือเช่นกัน ซึ่งกรมเจ้าท่าจะเข้ามาสำรวจและวางแผนในการขุดลอกร่องน้ำต่อไป