สั่งปิดแล้ว! ห้างสรรพสินค้าในภูเก็ต 24-31 มี.ค.นี้ ร้านอาหารต้องซื้อกลับบ้านเท่านั้น ควบคุมพื้นที่เสี่ยงโควิดระบาด

โพสเมื่อ : Monday, March 23rd, 2020 : 6.24 pm


คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 7/2563 มีมติ ยกระดับการควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาด ไวรัสโควิด -19 สั่งปิดสถานที่เสี่ยงเพิ่มเติม รวมทั้งห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่ 24 – 31 มีนาคมนี้ ยกเว้นซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ร้านอาหารต้องซื้อไปรับประทานที่บ้าน

 

เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (23 มี.ค.) นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 7/2563 ณ ห้องประชุมคอซิมบี้ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมีคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

 

ที่ประชุมรับทราบ การใช้หอประชุมศูนย์ราชการฯ หรือศาลากลางจังหวัดภูเก็ตแห่งใหม่ เพื่อเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับหากมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด -19 เพิ่มขึ้น และรับทราบสถานที่ที่เอกชน เสนอ รองรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค หรือ PUI

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณา ร่างประกาศจังหวัดภูเก็ต เรื่องปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด -19 เพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อ ยกระดับมาตรฐานในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด – 19 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเป้าหมายสำคัญ คือ ป้องกันการรวมตัวของกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก

 

สำหรับ สถานที่ ที่ประกาศ เพิ่มเติม อาทิ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ยกเว้นพื้นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ และร้านอาหารที่เปิดบริการจำหน่ายอาหารแต่ต้องนำไปบริโภคที่อื่น ศูนย์พระเครื่องพระบูชาแผงพระเครื่อง พระบูชาหรือสนามพระเครื่องบูชา สถานที่ที่จัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์บิลเลียด สนามกอล์ฟและสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ สถานที่บริการสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่นอาบน้ำตัดขนรับเลี้ยงหรือรับฝากสปาดูแลสุขภาพสัตว์ หรือกิจกรรมอื่นๆในลักษณะเดียวกัน คลินิกสถาบันร้านหรือสถานที่เสริมความงามร้านเสริมสวยลดความอ้วน ร้านตัดและตกแต่งทรงผม สถานที่ให้บริการบ่อตกกุ้งหรือบ่อตกปลา สระว่ายน้ำที่เปิดให้บริการประชาชนเป็นการทั่วไปทั้งในส่วนของราชการและผู้ประกอบการเอกชนและสระน้ำในโรงแรมทั้งประเภทที่ให้บริการรวมและสระน้ำประเภทให้บริการแยกในแต่ละห้องพัก

ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 – 31 มีนาคม 2563 ทั้งนี้หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ. ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้ง