สอบเพิ่มผู้ต้องหาพาสปอร์ตปลอมหาขบวนการนำพา ด้านตม.เผยตรวจครั้งแรกไม่พบสิ่งผิดปกติ
โพสเมื่อ : Sunday, May 21st, 2017 : 4.50 pm
ตร.ภูเก็ต สอบเพิ่ม 2 ผู้ต้องหาใช้พาสปอร์ตปลอม หวังเดินทางไปประเทศที่ 3 ยอมรับมีขบวนการนำพา ติดต่อผ่านเอเย่นดำเนินการทุกขั้นตอน ทั้งขบวนการปลอมพาสปอร์ต ขบวนการชุบตัว ระบุสอบเบื้องต้นยังไม่พบคนไทยเกี่ยวข้อง ขณะตม.สนามบินยันก่อนเดินทางมีการดำเนินการถูกต้องทุกขั้นตอน ผลตรวจด้วยคอมพิวเตอร์แสกนไม่พบสิ่งผิดปกติ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ ( 21 พ.ค.) ที่ห้องประชุม กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผกก.สาคู พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผกก.สภ.ป่าตอง พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง รอง ผกก.สภ.ป่าตอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สาคู เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ป่าตอง เจ้าหน้าที่สืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงผลการติดตามจับกุม นาย SANDEEP SINGH อายุ 30 ปี สัญชาติอินเดีย และ นาย RAJ KUMAR อายุ 36 ปี สัญชาติอินเดีย ซึ่งหลบหนีออกจากสถานีตำรวจภูธรสาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู นำตัวมาสอบสวน ในข้อหาใช้พาสปอร์ตปลอม และเตรียมนำตัวส่งฟ้องศาล จ.ภูเก็ต แต่ ผู้ต้องหาได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ และสูบบุหรี่ หลังจากนั้นได้วิ่งหลบหนีออกจากสถานีตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมได้เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา
เกี่ยวกับเรื่อง พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตได้รับตัวชายทั้ง 2 คน เนื่องจากทางการเกาหลีปฏิเสธที่จะให้เข้าเมือง จึงได้ส่งกลับมาที่ด่านตม.ที่เป็นต้นทาง ซึ่งก็คือด่านตรวจคนเข้าเมืองสนามบินภูเก็ต เมื่อรับตัวกลับมาทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 คนได้ใช้พาสปอร์ตปลอมในการเดินทางจึงได้นำตัวส่ง สภ.สาคูเพื่อนำเนินคดีในข้อหาใช้พาสปอร์ตปลอม ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคูจะนำตัวไปฝากขังปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้วิ่งหลบหนีออกจากสถานีตำรวจ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เผลอ หลังเกิดเหตุตนก็ได้สั่งหารให้มีการติดตามจับกุมผู้ต้องทั้ง 2 รายทันที จนกระทั้งได้รับแจ้งว่ามีแท็กซี่มิเตอร์รับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปส่งที่ป่าตอง จึงได้ออกติดตามค้นหาในพื้นที่ป่าตอง หลังจากนั้นก็ได้รับแจ้งจากประชาชนที่พบเห็นชายทั้ง 2 คน เดินอยู่ในพื้นที่ป่าตองจึงประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ ซึ่งในส่วนของผู้ต้องหามีการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เพื่ออำพรางตัวเอง แต่สุดท้ายก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง และ สภ.สาคู ติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามหลังจับกุมทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวมาสอบสวนในเบื้องต้น โดยทั้ง 2 คนยอมรับสารภาพว่าเดินทางมาจากประเทศอินเดีย และต้องการไปทำงานที่ประเทศแคนาดา ซึ่งการเดินทางเข้ามาภูเก็ต มีเอเย่นในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางรวมทั้งการทำหนังสือเดินทางปลอม รวมทั้งเรื่องที่พัก และการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการเดินทางเข้ามาประเทศไทยครั้งแรกนั้นเป็นการเดินทางเข้ามาโดยใช้พาสปอร์ตจริง โดยเข้ามาเมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ผ่านเข้ามาทางสุวรรณภูมิ หลังจากนั้นอยู่ในประเทศไทยระยะหนึ่งเพื่อรอหนังสือเดินทางปลอมซึ่งนัดส่งมอบกันที่ จ.ภูเก็ต หลังจากนั้นทั้ง 2 คนได้ใช้พาสปอร์ตจริงเดินทางออกไปประเทศมาเลเซีย เพื่อฟอกตัว และเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยอีกครั้งซึ่งเข้ามาทางจังหวัดสตูลซึ่งครั้งนี้ได้มีการใช้พาสปอร์ตที่ทำขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อเดิมแต่เปลี่ยนสัญชาติจากอินเดียไปเป็นโปรตุเกต โดยทั้ง 2 รายเดินทางกลับเข้ามาภูเก็ตเมื่อประมาณปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา พักอาศัยในโรงแรม 2 แห่งที่ป่าตองและเดินทางออกไปเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาจนกระทั้งทางการเกาหลีปฏิเสธในการเข้าเมือง และส่งกลับมาที่จังหวัดภูเก็ตในที่สุด ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้พาสปอร์ตปลอมในการเดินทางเพื่อเข้าไปประเทศแคนนาดานั้นคาดว่าทางแคนนาดาเองมีความเข้มงวดในการตรวจสอบโดยเฉพาะในส่วนของคนอินเดีย จึงได้มีการทำหนังสือเดินทางปลอมขึ้นมาและเปลี่ยนไปใช้สัญชาติโปรตุเกตแทน
พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวต่อไปว่า จากการสอบสวนในเบื้องต้น ยังไม่พบเบาะแสใดๆที่บงชี้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเกี่ยวข้องกับขบวนการการก่อการร้าย แต่สิ่งที่ทางตำรวจจะต้องสืบสวนขยายผลคือ เรื่องของการทำพาสปอร์ตปลอม ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนไทยหรือไม่อย่างไร และมีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง แม้ว่าบ้านเราไม่ใช่แหล่งผลิตพาสปอร์ตปลอม แต่เราเป็นแหล่งส่งมอบสินค้า ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งการสอบสวนจะต้องสอบทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขบวนการที่เกิดขึ้นทั้งหมดในการนำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปยังประเทศที่ 3 ส่วนกรณีการตรวจพาสปอร์ตของตม.ที่ครั้งแรกไม่พบว่าเป็นพาสปอร์ตปลอมนั้นเรื่องนี้ต้องสอบถามทางตม.ว่ามีขั้นตอนการตรวจสอบอย่างไร ส่วนกรณีคนที่นำพาสปอร์ตมาส่งนั้นในเบื้องตนตรวจสอบข้อมูลไม่พบว่ามีคนไทยที่เกี่ยวข้อง คาดว่าน่าจะเป็นคนต่างชาติที่เป็นผู้ดำเนินการ
ส่วนกรณีการหลบหนีออกจากสถานีตำรวจภูธรสาคู นั้น คนร้ายได้ฉวยโอกาสในช่วงที่เจ้าหน้าที่เผล ขอไปเข้าห้องน้ำและวิ่งหลบหนีออกไปทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ออกติดตามทันทีเช่นกัน ซึ่งหลังจากหลบหนีออกจากโรงพักก็ได้ไปหลบอยู่ที่ป่าตอง สาเหตุที่ทั้ง 2 คนไปในพื้นที่ป่าตองก็เนื่องจากมีความเคยชินกับพื้นที่ดังกล่าวมากกว่าที่อื่นเพราะระหว่างที่รอเดินทางต่อไปประเทศที่ 3 ทั้ง 2 คนเคยเข้าพักโรงแรมที่ป่าตอง เคยไปในที่ที่เคยไป และทั้ง 2 คนไม่กล้าที่จะเข้าพักโรงแรมทำให้ต้องเดินระเห็จอยู่ในป่าตองจนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในที่สุด
ส่วนพาสปอร์ตที่ตรวจยึดไว้ จะต้องมีการส่งไปตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องของตราประทับ ว่าเป็นการประทับจริงหรือปลอม ซึ่งในเบื้องต้นจะต้องนำตัวผู้ต้องหาไปสอบเพิ่มเติมเพื่อหาเครือข่ายที่เชื่อมโยงต่อไป ส่วนกรณีการทำพาสปอร์ตปลอมและการดำเนินการทั้งหมดเพื่อเดินทางไปยังประเทศที่ 3 นั้น จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการคนละ 2,000,000 รูปี หรือประมาณ 1 ล้านกว่าบาทถ้าเป็นเงินไทย โดยเป็นค่าดำเนินการทุกอย่างรวมถึงเรื่องของการเดินทางที่พัก และอื่นๆ
ขณะที่ พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้ปฏิเสธการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ 2 ราย ซึ่งเดินทางออกจาก จ.ภูเก็ต และส่งตัวกลับประเทศต้นทาง ว่า ในการส่งกลับชาวต่างชาติ 2 รายดังกล่าวนั้น ในเบื้องต้นทางเกาหลีไม่ได้มีการแจ้งสาเหตุที่ชัดเจน ถึงการส่งตัวกลับ แต่เป็นลักษณะของการปฏิเสธการเข้าเมือง และคาดว่าน่าจะมีการใช้พาสปอร์ตปลอม หลังจากด่านตรวจคนเข้าเมืองฯ รับตัวชาวต่างชาติ 2 รายดังกล่าวกลับมาก็ได้นำพาสปอร์ตมาตรวจสอบอย่างละเอียด และพบว่าเป็นพาสปอร์ตปลอม จึงได้มีการดำเนินคดีในข้อหา มีและใช้หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ปลอมฯ ก่อนส่งตัวให้กับทาง สภ.สาคูดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าทำไมด่านตรวจฯ จึงตรวจไม่พบความผิดปกติตั้งแต่การเดินทางออกไป ซึ่ง พ.ต.อ.ศุภโชค กล่าวว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเบื้องต้น พบว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการตรวจสแกนเล่มหนังสือเดินทาง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ หรือมีการเตือนแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า เกิดความผิดปกติขึ้น ณ จุดใด แต่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ปัจจุบันการปลอมพาสปอร์ตค่อนข้างทำได้แนบเนียนมาก หลังจากนี้ก็จะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบชาวเอเชียใต้ที่เดินทางเข้า-ออกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะไดนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดตามมา
- อบจ.ภูเก็ต สำรวจพื้นที่เพื่อปรับวางท่อระบายน้ำชั่วคราว แก้ไขปัญหาน้ำท่วมในชุมชนบ...
- อบจ.ภูเก็ต ผุด “ศูนย์ฟอกเลือดด้วยไตเทียม” ขนาด 37 เตียง รองรับผู้ป่วย ไม่ต้องรอค...
- ได้นั่งแน่ รถบัส EV ของอบจ.ภูเก็ต ทดแทน รถโพถ้อง สีชมพู...
- นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมพิธีเปิดประติมากรรม ศิลปะร่วมสมัย “ไอ้จุด” Lovel...
- นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “สมุดภาพภูเก็ต”...
- อบจ.ภูเก็ต นำเครื่องจักรปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสะพานหิน (ภัตตาคารวังปลาเดิม)...
- November 2024 (19)
- October 2024 (24)
- September 2024 (39)
- August 2024 (33)
- July 2024 (36)
- June 2024 (34)
- May 2024 (38)
- April 2024 (38)
- March 2024 (46)
- February 2024 (37)
- January 2024 (37)
- December 2023 (41)
- November 2023 (33)
- October 2023 (30)
- September 2023 (53)
- August 2023 (53)
- July 2023 (41)
- June 2023 (46)
- May 2023 (48)
- April 2023 (50)
- March 2023 (59)
- February 2023 (61)
- January 2023 (59)
- December 2022 (63)
- November 2022 (64)
- October 2022 (69)
- September 2022 (56)
- August 2022 (59)
- July 2022 (41)
- June 2022 (49)
- May 2022 (60)
- April 2022 (50)
- March 2022 (49)
- February 2022 (40)
- January 2022 (39)
- December 2021 (56)
- November 2021 (51)
- October 2021 (44)
- September 2021 (26)
- August 2021 (31)
- July 2021 (20)
- June 2021 (20)
- May 2021 (17)
- April 2021 (4)
- March 2021 (16)
- February 2021 (20)
- January 2021 (5)
- December 2020 (16)
- November 2020 (18)
- October 2020 (20)
- September 2020 (21)
- August 2020 (15)
- July 2020 (23)
- June 2020 (14)
- May 2020 (8)
- April 2020 (64)
- March 2020 (97)
- February 2020 (48)
- January 2020 (74)
- December 2019 (54)
- November 2019 (49)
- October 2019 (41)
- September 2019 (51)
- August 2019 (61)
- July 2019 (70)
- June 2019 (73)
- May 2019 (81)
- April 2019 (72)
- March 2019 (63)
- February 2019 (70)
- January 2019 (77)
- December 2018 (71)
- November 2018 (84)
- October 2018 (82)
- September 2018 (60)
- August 2018 (88)
- July 2018 (136)
- June 2018 (95)
- May 2018 (99)
- April 2018 (89)
- March 2018 (70)
- February 2018 (83)
- January 2018 (79)
- December 2017 (77)
- November 2017 (87)
- October 2017 (90)
- September 2017 (79)
- August 2017 (111)
- July 2017 (106)
- June 2017 (97)
- May 2017 (77)
- April 2017 (64)
- March 2017 (74)
- February 2017 (62)
- January 2017 (104)
- December 2016 (103)
- November 2016 (106)
- October 2016 (103)
- September 2016 (110)
- August 2016 (132)
- July 2016 (153)
- June 2016 (95)
- May 2016 (124)
- April 2016 (57)
- August 2015 (1)
- June 2015 (2)
- May 2015 (9)
- April 2015 (1)
- March 2015 (2)
- February 2015 (1)