สรุปแค่เข้าใจผิดตกลงเหมาจ่ายค่ารถตู้แค่ 2 พัน ไม่ใช่ 3 พัน

โพสเมื่อ : Thursday, July 18th, 2019 : 3.09 pm

แค่เข้าใจผิด ! นักท่องเที่ยวแจ้งความค่าโดยสารรถตู้จากสนามบินมากะตะ สูงถึง 3 พันบาท ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่ายมาพบกับที่โรงพัก ทุกอย่างจบระบุตกลงเหมาจ่ายมาแค่ 2 พัน ที่เหลือเป็นการเข้าใจผิด

 

จากกรณีนักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลีย 2 คน เดินทางไปเเจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.กะรน จ.ภูเก็ต หลังเรียกรถตู้จากสนามบินภูเก็ต ไปส่งที่โรงแรมเเห่งหนึ่งในพื้นที่ หาดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยระบุว่า ใช้บริการรถตู้จากสนามบินภูเก็ต ไปยังโรงแรมที่พักในพื้นที กะตะ ต.กะรน ราคา 3,000 บาท โดยมีการโพสต์ข้อความพร้อมภาพไปยังเพจดังของภูเก็ต และมีการแชร์กันไปจำนวนมาก หลังเกิดเหตุนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกำชับให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ซึ่งตามข่าวระบุโดนเรียกค่าโดยสารถึง 3,000 บาท ซึ่งเกินจากความเป็นจริง

ล่าสุดวันนี้ ( 18 ก.ค.)สถานีตำรวจภูธรกะรน จังหวัดภูเก็ต นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พันตำรวจเอกประวิทย์  สุทธิเรืองอรุณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะรน ได้เชิญทั้งนักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลีย ผู้เสียหายทั้ง 2 คน , พร้อมนายภูมิพัฒน์ จันทร์แก้ว พนักงานขับรถตู้คู่กรณี และ นางนฤมล จำปาทอง ซึ่งเป็นคนติดต่อนักเที่ยวขึ้นรถตู้โดยสารที่ท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าทีตำรวจท่องเที่ยวมาให้การเพิ่มเติมเพื่อ โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวร่วมรับฟังแต่อย่างใด

ภายหลังพูดคุย นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน เดินทางมาจากประเทศออสเตรเลีย มายังจังหวัดภูเก็ต โดยติดต่อเหมารถจากโรงแรม แต่ที่อยู่บริเวณสนามบิน มีนางนฤมล จำปาทอง เดินเข้ามาติดต่อเพื่อที่จะรับไปส่งที่โรงแรม โดยเรียกรถของ นายภูมิพัฒน์ จันทร์แก้ว มารับผู้โดยสารรายนี้ ซึ่งในเบื้องต้นทั้ง 2 ฝ่ายยังให้ข้อมมูลเรื่องราคาค่าโดยสารไม่ตรงกัน ในส่วนของนักท่องเที่ยวยืนยัน 3,000 บาท ในขณะที่ฝ่ายรถตู้ยืนยันว่าตกลงราคากันที่ 2,000 บาท

เเต่ในเบื้องต้นในส่วนของ นางนฤมล จำปาทอง มีความผิด พ.ร.บ.การท่าฯ ฐานเข้าไปในท่าอากาศยานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทางท่าอากาศยานภูเก็ตได้เรียกปรับในอัตราโทษปรับสูงสุดไปเเล้ว เป็นจำนวน 2,000 บาท ส่วนในรายละเอียดของการคิดค่าโดยสารเกินราคา จะมีสอบสวนและจะชี้เเจงรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้ผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา ยังให้การไม่ตรงกันในเรื่องราคาค่าโดยสาร

นายสุพจน์ ยังกล่าวอีกว่า ในกรณีนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับในเรื่องของการให้ความเป็นธรรม โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยว เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยว ซึ่งท่านนายยกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และอย่าให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก หากว่าเป็นความผิดจริงตามที่นักท่องเที่ยวได้กล่าวหา แต่ทั้งนี้ก็ยืนยันที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามจากการพูดคุย ทางฝ่ายรถตู้รายดังกล่าว กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลีย 2 คน ได้เหมารถตู้โดยสารจากสนามบินภูเก็ต ให้มาส่งที่โรงเเรมเเห่งหนึ่งเเถวหาดกะตะ ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปตามปกติ  แต่หลังจากนั้นจากนั้นเกิดเป็นข่าวครึกโครมในโซเชียลมีเดีย เมื่อทราบเรื่องตนจึงรีบเดินทางมายัง สภ.กะรน เพื่อให้การถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่า จริงๆเเล้วค่าโดยสารที่เรียกเก็บ เรียกเก็บไปเพียง 2,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตกลงเหมาจ่าย  ซึ่งนักท่องเที่ยวก็ยินดีที่จะจ่ายเพราะไม่ต้องการรอผู้โดยสารคนอื่น ซึ่งถ้ามีผู้โดยสารรายอื่นใช้บริการเต็มรถก็จะจ่ายแค่หัวละประมาณ 200 บาทเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าไม่มีการเรียกเก็บ ในราคา 3,000 บาท แต่อย่างใดเนื่องจากมีการตกลงราคากันตั้งแต่ต้นในจำนวน 2,000 บาท

แต่หลังจากนั้นทางตำรวจ สภ.กะรน ได้เชิญทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยว และ ทางฝ่ายรถตู้ร่วมพูดคุยอีกครั้งหลังจากข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายไม่ตรวจกันในเรื่องของราคา โดยใช้เวลาในการพูดคุยนานกว่าครึ่งชั่วโมง จนได้ข้อสรุปว่ามีการตกลงราคาแบบเหมาจ่ายจากสนามบินมาในราคา 2,000 บาท ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวมาแจ้งความในเบื้องต้นนั้นเป็นเรื่องของการเข้าใจผิดกัน ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจได้นำตัวคนขับรถตู้ไปปรับที่สนามบินภูเก็ตเนื่องจากทำผิดกฎของท่าอากาศยานภูเก็ตเข้าไปรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต