สปก.ทำอะไรอยู่ ชาวบ้านร้องคนบุกรุกสร้างอาคาร ในที่สปก.ไม่กลัวกฎหมาย ทั้งที่ปิดป้ายให้รื้อแต่ยังเฉย

โพสเมื่อ : Wednesday, July 13th, 2022 : 9.58 pm

สปก.ทำอะไรอยู่ ชาวบ้านร้อง จี้หน่วยงานรับผิดชอบ เร่งดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกครอบครองที่ดิน สปก.หมู่ 2 ต.กะรน จ.ภูเก็ต หลังครบกำหนดประกาศให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ตั้งแต่เม.ย.ที่ผ่านมา ครบกำหนด 3 เดือน ยังเฉย แถมสร้างต่อ

วันนี้ (13 ก.ค.65)  ที่ทำการสมาคมผู้สื่อข่าวภูเก็ต (ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังเก่า)  นายวรวิทย์ เจนเจริญวงศ์ ชาวบ้านที่ครอบครองที่ดินจำนวน 31 ไร หมู่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ใกล้กับทางขึ้นผาหินดำ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.ภูเก็ต ก่อนที่จะมีการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ สปก.พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรม พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางจังหวัดภูเก็ต และ สปก.ภูเก็ต ดำเนินการกับผู้ที่บุกรุกและปลูกสร้างอาคารในที่ดินสปก.

นายวรวิทย์ กล่าวถึงการเข้ามาร้องเรียน ครั้งนี้ว่า เมื่อปี 2523 ตนได้ซื้อที่ดิน ภ.บ.ท.6 จากชาวบ้านรายหนึ่ง เนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ หมู่ที่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังจากซื้อก็ได้เข้าไปทำประโยชน์ และเสียภาษีน้ำมันดิน เป็นประจำทุกปี ต่อมาในปี 2540 ทาง อบจ.ได้ขอตัดถนนผ่านในที่ดินที่ตนทำประโยชน์อยู่ ซึ่งตนก็ได้เซ็นยินยอมให้มีการตัดถนน โดยเสียที่ดินไปประมาณ 8 ไร่ ซึ่งปัจจุบันเป็นถนนสาธารณะมีความกว้าง 13 เมตร ผ่านไปยังผาหินดำแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของภูเก็ต

กระทั่งปี 2542 สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต (ส.ป.ก.) สมัยนั้นได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไปรังวัดแนวที่ดิน ตามเอกสาร เพื่อเข้าสู่สารบบของการปฏิรูปที่ดิน  และในส่วนของตนได้มีการยื่นเรื่องเพื่อขอเอกสารสิทธิ ส.ป.ก .ด้วย แต่ตอนนี้ยังไม้ได้รับหลักฐานครอบกรอบสปก. แต่มีชื่ออยู่ในระบบของ สปก.แล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการ

แต่อย่างไรก็ตามระหว่างที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ ปรากฏว่าได้มีผู้มาอ้างสิทธิการครอบครอง พร้อมปลูกสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ มีการปักล้อมรั้ว  เพื่อให้บุคคลทั่วไปมีความเข้าใจว่าเป็นที่ดินของเขา ตลอดจนขัดขวางไม่ให้ตนเข้าไปในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งเป็นการบุกรุกที่ดิน มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ ตนจึงได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรกะรน อ.เมืองภูเก็ต แต่พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความ ทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้  เพื่อปกป้องสิทธิอันพึงมีพึงได้ของตนเอง

นอกจากนี้ยังยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อฟ้องขับไล่ชายคนดังกล่าวให้ออกจากที่ดิน แต่เนื่องจากที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดิน ส.ป.ก. และ ในส่วนของตนซึ่งได้ไปขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินปฎิรูปเพื่อเกษตรกรรม แต่ปัจจุบันยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติ  จึงทำให้ที่ดินยังคงเป็นของ สป.ก. และ ในส่วนของบุคคลดังกล่าวก็ไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทดังกล่าวเช่นกัน  ดังนั้นเมื่อเป็นที่ดินของรัฐจึงไม่ควรมีผู้ใดเข้าไปครอบครอง”

นายวรวิทย์ กล่าวด้วยว่า หลังจากมีคำพิพากษาของศาล ทาง ส.ป.ก.ภูเก็ต ได้มีการไปปิดป้ายประกาศ ให้ผู้ที่เข้าไปบุกรุกครอบครอง ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ และให้ออกจากที่ดินแปลงดังกล่าวภายใน 3 เดือน โดยมีการปิดประกาศให้มีการรื้อถอนตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันครอบกำหนด 3 เดือนมานานแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ  และยังมีการก่อสร้างใหม่เพิ่มเติม โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรม จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะตนซึ่งเป็นผู้ถือสิทธิการครอบครองมาก่อนที่จะมีการประกาศเขตปฎิรูปที่ดิน ทั้งๆ ที่มีการปลูกผลอาศัย จากภาษีที่ดินมาโดยตลอด ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใด ๆ ได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลดังกล่าวด้วย

ในส่วนของของตนหลังจากนี้คงไม่ดำเนินการใด ๆ เพียงแต่เมื่อที่ดินเป็นของรัฐก็อยากให้กลับเป็นของรัฐอย่างแท้จริง แม้ว่าตนจะถือครองมาก่อนด้วยการซื้อมาจากชาวบ้าน แต่เมื่อประกาศว่า เป็นเขตของ  ส.ป.ก.  ก็ยินดีที่จะคืนที่ดินดังกล่าวกลับไปเป็นของรัฐเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป และ ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนและขอความเป็นธรรมไปยังผู้ว่าฯ  ภูเก็ต ซึ่งได้สั่งการให้สำนักงาน ส.ป.ก.ภูเก็ต ตรวจสอบข้อเท็จจริง และแจ้งว่า เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการยื่นอุทธรณ์ ทำให้ปัญหาข้อพิพาทยังไม่สิ้นสุด ซึ่งทางส.ป.ก.จะได้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าวต่อไป