สนธิกำลังลุยภูเก็ต ตรวจธุรกิจให้บริการนักท่องเที่ยว 4 แห่งสินค้าตรวจกว่า 10 ล.

โพสเมื่อ : Thursday, September 21st, 2017 : 9.22 am

รรท.รองผบช.ทท. บูรณาการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 200 คน ลงตรวจสถานประกอบธุรกิจบริการนักท่องเที่ยว 5 จุด ยึดสินค้าเป็นจำนวนมาก มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท มีทั้งหมอนยางพารา รังนก ยาบำรุงต่างๆ

 

 

เมื่อเวลา 15.40 น. วานนี้ ( 20 ก.ย.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รองผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง รรท.ผบก.ทท.3, พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.อาชยน ไกทอง รรท.รอง ผบก.ทท. 1 พ.ต.อ.โอฬาร เอี่ยมประภาส รรท.รองผบก.ทท.3, พันโทสุรศักดิ์ พึ่งแย้ม รองผบ.ร 25พัน2/คณะทำงานชุดเฉพาะกิจทัพภาคที่ 4, พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รรท.ผกก.ควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์, พ.ต.อ.ธงชัย วิไลพรหม รรท.ผกก.2 บก.ทท. 3 พ.ต.อ.ธนรัฐ รุ่งโรจน์ดี ผกก.2 บก.ปคบ.

บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เจ้าหน้าที่ศุลกากรเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวน 200 นาย  ร่วมกันตรวจสอบสวนงู ของบริษัทไทยโค เนเชอรัล เฮลท์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยนากก ม.5 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ในการจัดแสดงโชว์งูให้นักท่องเที่ยวได้รับชม พร้อมกันนี้ยังได้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงูด้วย

ภายในได้มีการแบ่งเป็นห้องเล็กๆ เพื่อนำนักท่องเที่ยวเข้าไปแนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจยึดผลิตภัณฑ์ประเภทบำรุงร่างกายชนิดต่างๆ ซึ่งไม่มีฉลากภาษาไทยซึ่งทำเป็นลักษณะของแคปซูลบรรจุขวดเม็ดสีชมพู ขวดละ 250 เม็ด จำนวน 124 ขวด เม็ดสีทอง ขวดละ 250 เม็ด จำนวน 124 ขวด แคปซูลสีเทา ขวดละ 100 เม็ด จำนวน 124 ขวด และแคปซูลสีส้ม ขวดละ 100 เม็ด จำนวน 124 ขวด ผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงร่างกายสลากเป็นภาษาต่างประเทศ (รัสเซีย) จำนวน 73 ขวด ผลิตภัณฑ์ประเภทขี้ผึ้งใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดเมื่อย ไม่มีฉลากภาษาไทย จำนวน 136 ขวด และครีมใช้สำหรับบำรุงผิวฉลากภาษาต่างประเทศ ชื่อ Jsnake จำนวน 68 ขวด เพื่อนำส่งให้กับทางสาธารณสุขตรวจสอบต่อไป

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้เดินทางไปแถลงข่าวที่กองกำกับตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตกับผลการปฎิบัติการเข้าตรวจสอบสถานประกอบธุรกิจบริการนักท่องเที่ยวอีก 4 จุด ประกอบด้วย 1. ร้านรัง บริษัท พี.พี. รังนก จำกัด ตั้งอยู่บริเวณข้างสนามฟุตบอลสะพานหิน ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ตรวจยึด ผลิตภัณฑ์หลายรายการ อาทิ รังนกแห้งเกรดเอเอ จำนวน 1 กล่อง รังนกผ่านการต้ม จำนวน 1 ถุง รังนกชนิดทรงเครื่อง จำนวน 1 ถุง เห็ดหูหนูขาว จำนวน 1 ถุง รวมทั้งเอกสารต่างๆ ของบริษัท

2.ร้านรังนก บริษัท คิงส์ รังนก จำกัด เลขที่ 70/90 ม.4 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตรวจยึดตัวอย่างรังนกที่วางจำหน่าย ขนาด 50 กรัม ราคาสินค้า 10,000 บาท ตัวอย่างรังนกพร้อมรับประทานสำหรับนักท่องเที่ยว 1 ถุง ตัวอย่างรังนกที่เตรียมไว้ปรุง 1 ถุง  3.ร้านเพชร บริษัท วังถลางจิวเวลรี่ แอนด์ กิฟท์ช็อป จำกัด เลขที่ 34/2 ม.3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตรวจยึดเข็มขัดหนัง จำนวน 150 เส้น กระเป๋าสตางค์ จำนวน 134 ใบ พวงกุญแจ จำนวน 80 ชิ้น แหวนพลอย สีเหลือง จำนวน 120 วงและจี้พลอย จำนวน 160 ชิ้น  และ 4.ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ร้านยางพาราฉลองลาเท็กซ์ เลขที่ 7/7 ม.7 ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตรวจยึดที่นอนยางพารา 50 หลัง และหมอนยางพาราจำนวน 100 ใบ รวมมูลค่าของกลางที่ตรวจยึดทั้ง 5 จุด เป็นเงินประมาณ 10,129,490 บาท โดยจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนที่จะตั้งข้อกล่าวหาต่อไป

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท.  กล่าวว่า การลงตรวจพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดภูเก็ตนั้น เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้หน่วยราชการร่วมบูรณาการกำลังทำการปราบปรามกลุ่มบริษัทนำเที่ยวผิดกฎหมายหรือกลุ่มบริษัทนำเที่ยวที่ประกอบการในลักษณะนอมินี รวมถึงสถาน ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งมีพฤติกรรมในการเอารัดเอาเปรียบหลอกลวงนักท่องเที่ยวในส่วนของสินค้าและบริการซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ดำเนินการตามนโยบายของรับบาลอย่างเคร่งครัด และให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

“กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดยนโยบายของ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช .ทท.มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลความรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งปราบปรามจับกุมการกระทำความผิด และอาชญากรรมทุกรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และจากการตรวจสอบพบว่ามีร้านค้าผู้ประกอบการหลายราย ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีพฤติการณ์ในการเอารัดเอาเปรียบหลอกลวงนักท่องเที่ยวในการจำหน่ายสินค้าและบริการ รวมถึงการจำหน่ายสินค้าที่มีราคาแพงเกินจริงให้กับนักท่องเที่ยว จึงได้สนธิกำลังภาคส่วนต่างๆเข้าตรวจสอบร้านค้าดังกล่าวข้างต้น” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวในที่สุด