ศาลสั่งจำคุก-ปรับ 1 พันบาท หนุ่มใจบุญ แจกถุงยังชีพ วงเวียนหอนาฬิกา

ศาลสั่งจำคุก แต่ให้รอลงอาญา พร้อมปรับ 1,000 บาท แล้ว หนุ่มใจบุญพร้อมเพื่อน นำถุงยังชีพแจกให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดโควิด ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้คนมารวมตัวกันจำนวนมากเสี่ยงแพร่เชื้อโควิด ผู้การฯเผยคนภูเก็ตฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุนเฉินจำนวนมาก ลั่นดำเนินคดีอย่างเข้มข้นทุกราย

จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มวัยรุ่นในจังหวัดภูเก็ตรวมตัวกันแจกถุงยังชีพให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโววิด ที่บริเวณวงเวียนสุรินทร์หรือวงเวียนหอนาฬิกา เขตเทศบาลนครภูเก็ต ทำให้มีประชาชนชาวภูเก็ตที่ได้รับผลกระทบออกมารวมตัวกัน เพื่อถุงยังชีพนับพันคน จนกลายเป็นเรื่องที่ถูกโซเชียลมีเดียใน จ.ภูเก็ตวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจาก จ.ภูเก็ตเป็นพื้นที่สีแดงที่มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 2 ของประเทศและขณะนี้อยู่ระหว่างการปิดรอยต่อระหว่างตำบลทั้ง 3 ตำบล ใน จ.ภูเก็ต การแจกถุงยังชีพในลักษณะดังกล่าวเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิดและขัด พรก.ฉุนเฉินอีกด้วย ทางรอง ผกก.ป สภ.เมือง ภูเก็ต จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาผิด พรก.ฉุกเฉิน และส่งฟ้องศาลในวันนีไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ (21 เม.ย.) พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องการที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใจบุญที่นำถุงยังชีพและสิ่งของมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดแต่อย่างไร แต่เมื่อมีการเตือนแล้วไม่ฟังและไม่ปฏิบัติ พรก.ฉุนเฉิน และการดำนเนินการในลักษณะดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุนเฉิน ส่งอัยการ ซึ่งทางอัยการสั่งฟ้องศาล ทางศาลได้พิจารณาสั่งจำคุก โดยให้รอลงอาญา และปรับ 1,000 บาท

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนชาวภูเก็ตปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุนเฉิน และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้ระเบียบกฎหมายที่กำหนด ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด อะไรก็ตามที่จะนำไปสู่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างเข้มงวด

“เกาะภูเก็ตเป็นเกาะเล็กๆ แต่มีคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นจำนวนมาก ถึงตอนนี้มีผู้ที่ฝ่าฝืนประกาศเคอร์ฟิวแล้ว 600 กว่าราย ซึ่งทางตำรวจจำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อสร้างการรับรู้และเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวในที่สุด