ศรชล.เขต 3 คุมเรือประมงทูน่า  7 ลำ ดำเนินคดีไร้สัญชาติ

โพสเมื่อ : Monday, November 28th, 2016 : 4.56 pm

ศรชล.เขต3 คุมเรือประมงทูน่า 7 ลำ แจ้งหลักฐานระบุสัญชาติไม่ถูกต้อง ยึดเรือหลังตรวจพบไม่มีการแจ้งจดทะเบียนเรือที่ประเทศโบลิเวียแต่อย่างใด 1480326359280.jpg

วันนี้ ที่ท่าเทียบเรือ ท่าศรีไทย ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์  ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 3 หรือ ศรชล.เขต 3 พร้อมด้วยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมือง  เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต แรงงาน ตำรวจน้ำ และหน่วยงานอื่นๆ ร่วมแถลงข่าวการควบคุมเรือ ประมงเบ็ดราวทูน่าจำนวน 7 ลำไว้ ตรวจสอบ ประกอบด้วย เรือ YUTUNA NO.3,  ABUBANT 1, ABUBANT 3, ABUBANT 6,   ABUBANT 9,   ABUBANT 12,  SHUN LAI หลังตรวจสอบพบพิรุธ เกี่ยวกับทะเบียนเรือทั้ง 7 ลำเป็นเรือต่างประเทศ ที่ระบุเป็นสัญชาติโบลิเวีย และมีการแจ้งเข้ามาพร้อมกันในลักษณะผิดสังเกต เนื่องจากเรือแต่ละลำมีเอกสารไม่เหมือนกัน  โดยเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้มีการตรวจสอบกับทางประเทศโบลิเวีย เพื่อยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนเรือ และต่อมาทางโบลิเวียได้แจ้งว่า เรือทั้ง 9 ลำ ไม่ได้จดทะเบียนที่โบลิเวีย หรือได้รับใบอนุญาตทำการประมงของโบลิเวีย แต่อย่างใด 1480326344143.jpg

พล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์  ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่าตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาการทำประมงเพื่อให้เกิดความยั่งยืนและได้มาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศจึงได้มอบหมายให้ศูนย์แก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เข้ามาดำเนินการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายโดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางศูนย์จึงได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังซึ่งในการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายนั้นดำเนินการเหมือนกันทั้งในส่วนของเรือไทย และเรือต่างชาติ โดยในพื้นที่อันดามัน ได้มอบหมายให้ศรชล.เขต 3 ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการปฏิบัติ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายของเรือประมงทั้งหมด 1480326353285.jpg

จนกระทั่งล่าสุดทางศูนย์แก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ได้สั่งการให้ ศรชล.เขต 3 ตรวจสอบเรือประมงต่างประเทศที่กล่าวอ้างสัญชาติโบลิเวียที่แจ้งขอเข้ามาจอดที่ท่าเทียบเรือศรีไทย และท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต จำนวน 9 เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบด้วยเรือ ประกอบด้วย เรืองYUYUNA NO.1,  YUTUNA NO.3,  ABUBANT 1, ABUBANT 3, ABUBANT 6,   ABUBANT 9,   ABUBANT 12,  SHUN LAI , SHENG JI QUN ซึ่งจากการตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ พบว่ามีเรือที่จอดอยู่จำนวน 7 ลำ ส่วนเรืออีก 2 ลำที่แจ้งเข้าแต่ไม่ประสงค์จะจอดคือ เรือ YUTUNA NO .1 และเรือ SHENG JI QUN 3 ที่ออกจากท่าเรือไปก่อนที่จะมีการตรวจสอบ โดยเรือทั้งหมดเป็นเรือเบ็ดราวทูน่า ซึ่งในการเข้ามาจอดทางบริษัทแจ้งว่าจะนำเรือมาจอดซ่อมทำตัวเรือ และจากการตรวจสอบพบว่ากัปตันเรือและลูกเรือมีเอกสารถูกต้อง ซึ่งกัปตันเรือส่วนใหญ่เป็นชาวไต้หวันส่วนลูกเรือเป็นชาวอินโดนีเซียและสิงคโปร์ ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าเรือ SHUN LIA และเรือ ABUBANT 9 ไม่แจ้งเข้าต่อเจ้าท่าภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งได้มีการเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุดลำละ 5,000 บาท 1480326346539.jpg

แต่อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบทะเบียนเรือทุกลำพบมีข้อพิรุธ ซึ่งเรือทั้งหมดระบุว่าเป็นเรือสัญชาติโบลิเวีย แต่พบว่าเอกสารมีลักษณะไม่เหมือนกัน จึงได้สั่งการให้เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ประสานตรวจสอบข้อมูลกับทางการโบลิเวีย ต่อมาทางโบลิเวีย ได้ตอบกลับมาเกี่ยวกับการจดทะเบียนเรือ ว่าเรือประมงทั้ง 9 ลำ ไม่ได้จดทะเบียนที่ประเทศโบลิเวีย หรือมีใบอนุญาตทำการประมงของโบลิเวีย ทางเจ้าท่าจึงได้รวบหลังฐานและแจ้งความดำเนินคดี กับตัวแทนเจ้าของเรือจำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เซี่ยงเฮา จำกัด  บริษัท ยี้หงส์ ฟิซเชอรรี่ จำกัด และบริษัท ซ่วน หยิง จำกัด โดยได้แจ้งความไว้ที่ สภ.วิชิต ในข้อหา นำเอกสารปลอมมาจดแจ้งการรายงานเข้า –ออกท่าเรือ เป็นความผิดปลอมและเอกสารปลอมโดยแจ้งความอันเป็นเท็จ สำหรับเรือทั้ง 7 ลำ นั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมไว้ที่ท่าเรือและไม่นำออกไปได้จนกว่าเจ้าของเรือจะมีเอกสารที่ถูกต้องที่ระสัญชาติและประเทศที่จดทะเบียนมายืนยัน ซึ่งขณะนี้เรือทั้ง 7 ลำ อยู่ในฐานะเรือไร้สัญชาติ%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%9a-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%9a%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%89

พล.ร.ท.สุรพล กล่าวต่อไปว่า ในการตรวจสอบเรือประมง นั้นทาง ศรชล จะดำเนินการอย่างเข้มงวดทั้งเรือไทยและเรือต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการจับกุมเรือประมงทูน่ามาแล้ว 1 ลำ ในพื้นที่ จ.ระนอง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี และยืนยันว่าจะมีการดำเนินการอย่างเข้มงวดอย่างแน่นอน