ร้องถูกยกเลิกสค.1 ทั้งที่ถือมานาน เหตุมีคนอื่นใช้เลขเดียวกันนำไปยื่น พบพิรุธเพียบ

ชาวบ้านตำบลป่าคลอกยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ DSI ให้ตรวจสอบ กรณีมีบุคคลนำเอกสาร ส.ค.1 ตรงกันไปขอออกโฉนดทำให้ผู้ร้องได้ถูกยกเลิก สค.1 รองประวุธ เผยพบพิรุธอารอกเอกสารสิทธิ์หลายประเด็น ทั้งจำนวนเนื้อที่ที่ไม่เท่ากัน แถมออกโฉนดวันอาทิตย์

เมื่อวานนี้ ( 29 ก.ย.) ที่พื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นางร่อหม่ะ วงษ์หลี อายุ 80 ปี พร้อมทายาท ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ผ่านทาง พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ ขอให้ตรวจสอบกรณีมีบุคคลนำเอาเอกสาร ส.ค. 1 เลขที่ 246 หมู่ที่ 4 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งออกตั้งแต่ปี 2498 มีนายส้า หรือ นายสา วงค์หลี เป็นผู้แจ้งการครอบครองไปอ้างขอออกโฉนดที่ดินบริเวณบ้านอ่าวปอ หมู่ที่ 9 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

นางร่อหม่ะ วงษ์หลี กล่าวว่า เมื่อประมาณปี 2553 ได้ไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง โดยนำ ส.ค. 1เลขที่ 246 หมู่ที่ 4 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ไปเป็นหลักฐานประกอบคำขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าว ซึ่งมีชื่อนายส้า หรือ นายสา วงษ์หลี เป็นผู้แจ้งการครอบครอง มีเนื้อที่ 40 ไร่ 3 งาน 16 ตารางวา โดยสภาพที่ดินทำประโยชน์เป็นสวนยางพาราเต็มทั้งแปลง และมีทิศข้างเคียงทั้ง 4 ด้าน ติดกับสวนยางพาราของเพื่อนบ้าน ไม่ติดเขตป่าไม้ และสภาพเป็นพื้นที่ราบไม่ได้อยู่ติดทะเล

แต่ต่อมาทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ได้มีคำสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดิน และ มีคำสั่งให้บุคคลอีกคนหนึ่ง ซึ่งได้มีการนำ ส.ค. 1 เลขที่เดียวกันกับของตนมาเป็นหลักฐานการขอออกโฉนด แต่ที่ต่างกันคือ ส.ค.1 ที่อีกบุคคลดังกล่าวนำมาขอออก ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง และ เนื้อที่ของตนมีเพียง 40 ไร่เศษ แต่ของบุคคลดังกล่าวมีเนื้อที่ถึง 140 ไร่ และทิศข้างเคียงของตนทั้ง 4 ด้าน ติดสวนยางพาราของเพื่อนบ้าน ไม่ติดทะเล ขณะที่ของบุคคลดังกล่าวติดกับคลอง 2 ด้านและติดทางถนน 2 ด้าน จึงอยากขอความเป็นธรรมกับทางสำนักงานสอบสวนคดีพิเศษให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวภายหลังการรับเรื่องร้องเรียนและลงตรวจสอบสภาพที่ดินของผู้ร้องซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ต.ป่าคลอก และที่ดินอีกแปลงในพื้นที่ หมู่ 9 ต.ป่าคลอก ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบข้อพิรุธหลายประการ ตั้งแต่เรื่องแปลงที่ตั้งของที่ดินซึ่งแปลงที่ดินของผู้ร้องอยู่ในหมู่ 4 ต.ป่าคลอก และไม่ติดทะเล แต่ของอีกคนตั้งอยู่หมู่ 9 ต.ป่าคลอก อยู่ติดทะเล ซึ่งตรวจสอบเขตการปกครองพบว่าไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากยังพบว่าการยื่นขอออกโฉนดที่ดินของบุคคลดังกล่าว ได้ยื่นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์

นอกจากนี้สภาพพื้นที่ของอีกบุคคลส่วนใหญ่เป็นสภาพป่า มีปลูกยางพาราบ้าง และมีลักษณะเป็นภูเขาด้วย รวมทั้งเป็นที่น่าสงสัยว่า ต้นฉบับ ส.ค. 1 เลขที่ 246 ฉบับผู้ถือยังอยู่กับตัวผู้ร้อง แต่ทำไมจึงมี ส.ค.1 เลขที่เดียวกันไปอยู่กับบุคคลอื่น และมีข้อแตกต่างหลายอย่าง

“ส.ค. 1 ที่อีกบุคคลนำไปยื่นขอออกโฉนดนั้น เข้าใจว่าจะเป็นการนำมาขอออกในแปลงที่ดินซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสามเหลี่ยม และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรทั้งแปลง จึงมองว่าข้อมูลที่ทาง นางร่อหม่ะให้มานั้นมีเนื้อหาที่แตกต่างกันกับแปลงของอีกบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเนื้อที่ดินซึ่งแตกต่างกันถึง 100 ไร่ และพื้นที่ข้างเคียงก็ไม่ตรงกัน ดังนั้นต้องมีฉบับใดฉบับหนึ่งที่เป็นเท็จ

จึงต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะการขออกโฉนดในที่ดินป่าสงวนแห่งชาตินั้นจะต้องใช้หลักฐาน ส.ค.1 มาประกอบ หากไม่มีก็ไม่สามารถที่จะออกโฉนดได้ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้มาขอออกโฉนดแปลงที่ดินดังกล่าวได้พยายามนำ ส.ค.1 มาอ้าง จึงต้องมีการมาตรวจสอบกันว่าตำแหน่งที่ดินนั้นถูกต้องหรือไม่