“ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้” (TITLE) เครือ “แอสเซทไวส์” ประกาศเปิดอีก  4 โครงการใหม่ ที่ภูเก็ต

โพสเมื่อ : Saturday, October 26th, 2024 : 12.28 pm

“ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้” (TITLE) เครือ “แอสเซทไวส์” เปิดอีก  4 โครงการใหม่ ที่ภูเก็ต มูลค่ารวม 15,500 ล้าน โชว์ Backlog แกร่ง 8,022 ล้าน เริ่มรับรู้รายได้ปลายปี 67 พร้อมปั้นแบรนด์ THE TITLE สู่ “Heaven Bestination” ขณะที่กูรูด้านอสังหาฯภูเก็ตเผยแนวโน้มยังโตต่อเนื่อง

ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (TITLE) บริษัทในเครือแอสเซทไวส์ ประกาศเปิดโครงการใหม่ ที่ ภูเก็ต 4 โครงการ มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท พร้อมโชว์ Backlog แกร่ง 8,022 ล้านบาท ทยอยโอนให้ลูกค้าได้ตั้งแต่ปลายปี 2567 ล่าสุด ปักหมุดทำเลบางเทา-กะตะ-ราไวย์ เตรียมอวดโฉมโครงการใหม่ “THE MODEVA” และ “THE TITLE ARTRIO BANG-TAO” ในหาดบางเทา มั่นใจดันยอดขายภูเก็ตเพิ่ม 5,000 ล้านบาทในไฮซีซันนี้ พร้อมส่ง “The Esquire” บริการดูแลคุณภาพชีวิตลูกบ้าน มุ่งสร้างแบรนด์ THE TITLE สู่ Heaven Bestination พัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพให้ภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน

โดยเมื่อเร็วๆนี้ นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) พร้อม นายเวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE รวมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ สำหนังานขายโครงการ  ต.เชิงทะเล อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล เลขาธิการ และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ร่วมให้ข้อมูลแนวโน้มการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต

 

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW  บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” กล่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัทได้เดินหน้าขยายทำเลพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ผ่านการเข้ามาถือหุ้นสัดส่วน 67.94% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE  ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ไทเทิล” (THE TITLE) ที่มีประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์มามายาวนานกว่า 12 ปี และ มีโครงการที่อยู่อาศัยกระจายอยู่ตามทำเลศักยภาพ 3 ทำเล คือ บางเทา ในยาง และ ราไวย์ ซึ่งเป็น Strategic Locations ที่โดดเด่นทั้งด้านการเดินทาง ความงดงามของธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการพักอาศัยระยะยาว (Long-Stay) และท่องเที่ยวระยะสั้น

ด้วยความมุ่งมั่นของ ASW และ TITLE ในการคัดสรรทำเลที่ดี เชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลาย การออกแบบที่เข้าใจผู้อยู่อาศัย และ การก่อสร้างที่มีคุณภาพ ส่งมอบโครงการที่อยู่อาศัยได้รวดเร็วตามกำหนด ทำให้แบรนด์ THE TITLE ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ภาพรวมยอดขายของ ASW มียอดขายสะสม 9 เดือนแรกปี 2567 ทั้งหมด 14,578 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนที่มาจาก TITLE คิดเป็น 43% ของยอดขายสะสม ทั้งนี้ ปัจจุบัน TITLE มี Backlog สะสมทั้งหมดราว 8,022 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 จากเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (THE TITLE HALO 1) และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการอื่นๆ ต่อเนื่องจนถึงปี 2570

 

 

จากความสำเร็จดังกล่าวและการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ล่าสุด ASW ได้ปรับแผนเปิดตัวโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ต โดยเปิดโครงการใหม่รวม 4 โครงการ  ซึ่งมากกว่าแผนที่วางไว้ มูลค่าโครงการทั้งหมด 15,500 ล้านบาท ได้แก่ 1.เดอะ ไทเทิล เชียโล่ ราไวย์ (THE TITLE CIELO RAWAI) มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม จนมียอดขายถึง 90% หลังเปิดขายได้เพียง 1 สัปดาห์ 2.เดอะ โมเดวา (THE MODEVA) มูลค่า 6,200 ล้านบาท 3.เดอะ ไทเทิล อาร์ทริโอ บางเทา (THE TITLE ARTRIO BANG-TAO) มูลค่า 2,600 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในเดือนตุลาคมนี้ และ 4.คาตาเบลโล (KATABELLO) ในพื้นที่ กะตะ  ต.กะรน มูลค่า 5,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568

 

ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าการปรับแผนดังกล่าวจะช่วยผลักดันยอดขายของโครงการในภูเก็ตช่วงไฮซีซันนี้ให้เพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท  ปัจจุบัน ASW และ TITLE มีคอนโดมิเนียมที่พัฒนาร่วมกันทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 31,500 ล้านบาท

 

 

“วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่า กลยุทธ์ Expand ขยายทำเลมายังภูเก็ต เป็นอีกหนึ่ง Key Success ที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับเครือแอสเซทไวส์ได้อย่างมั่นคงตามแผน The New Frontiers ที่เราประกาศไว้ แต่นอกเหนือจากมิติด้านการเติบโตแล้ว ASW และ TITLE ยังต้องการพัฒนาแบรนด์ THE TITLE ให้เป็นเสมือน Heaven Bestination จุดหมายปลายทางที่คนทั่วโลกอยากมาสัมผัสประสบการณ์และใช้ชีวิตด้วย เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ควบคู่กับการสร้างสรรค์ Community ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ภูเก็ตเป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

ขณะที่ นายเวคิน ตั้งกุลวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต ในเครือแอสเซทไวส์ กล่าวว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับ Strategic Locations อย่างบางเทา เนื่องจากเป็นทำเลที่มีความงดงามของหาดทรายสีขาวละเอียดทอดตัวยาวตัดกับน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ และ ยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งร้านอาหาร แหล่งไลฟ์สไตล์ สถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งกิจกรรมมากมาย รองรับความต้องการของทุกคนในครอบครัว และยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์ THE TITLE ที่พัฒนาอาคารที่พักอาศัยที่มีโซน “Pet-Friendly” ภายในโครงการ ตอบโจทย์คนรักสัตว์ ให้คนและสัตว์เลี้ยงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เพื่อให้โครงการ THE TITLE เป็น Heaven Bestination ของทุกคน

 

สำหรับ “THE MODEVA” เป็นโครงการ Leisure Residences สูง 7 ชั้น จำนวน 6 อาคาร และ Pet-Friendly อีก 1 อาคาร รวม 859 ยูนิต บนพื้นที่ราว 15 ไร่ ใกล้หาดบางเทาเพียง 500 ม. ออกแบบภายใต้แนวคิด The Vibes of Pleasure สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและหาดทรายบนทำเลดีที่สุดของบางเทา พร้อมมอบไลฟ์สไตล์เหนือระดับกับส่วนกลางระดับ World Class ใช้ชีวิตราวกับวันพักผ่อนได้ทุกวัน และห้องพัก Fully Fitted ทั้ง Simplex และ Duplex ให้เลือกถึง 11 รูปแบบ ขนาด 29-148 ตร.ม. และห้อง Penthouse ใหญ่สุด 148 ตร.ม. โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางถึง 7,458 ตร.ม. ทั้งโซน Indoor กว่า 26 รายการ เช่น Business Lounge, Co-Kitchen, Health Center, Salon, Kid’s Club, Theater Room, Onsen และโซน Outdoor ถึง 33 รายการ อาทิ สระว่ายน้ำหลากฟังก์ชันขนาดใหญ่โอบล้อมทุกอาคาร, Hydrotherapy, Private Outdoor Living Lounge พร้อมโซนพิเศษ Pet Grooming และ Pet Zone ในอาคาร Pet-Friendly ราคาเริ่มต้น 4.1-18.7 ล้านบาท

ขณะที่ “THE TITLE ARTRIO BANG-TAO” เป็นโครงการ Leisure Residences สูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร และ Pet-Friendly อีก 1 อาคาร รวม 435 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 6 ไร่ ติด Porto de Phuket ด้วยคอนเซปต์ Live Artfully, Where Creative Retreat Meets Style ถ่ายทอดความงามของศิลปะในทุกรายละเอียดของโครงการ ภายในอาคารมีห้องพัก Fully Fitted ทั้งแบบ 1 Bedroom แบบ 2 Bedroom และ Duplex ขนาด 28-132 ตร.ม. พร้อมส่วนกลางมากกว่า 41 รายการ ทั้ง Outdoor เช่น Feature Art Wall, Sculptural Playground, Waterfall, Floating Pool Terrace และ Indoor อาทิ Health Care, Live Studio, Library Lounge, Kid Space, Onsen, Boxing Area รวมถึงโซนสำหรับสัตว์เลี้ยง Pet Grooming และ Pet Pool & Playground ในอาคาร Pet-Friendly ราคาเริ่มต้น 4.23-19.67 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ “The Esquire” ให้บริการด้าน Property Management ครอบคลุมทั้งทีมนิติบุคคลช่วยบริหารจัดการภายในโครงการ บริการจัดหาและประสานผู้เช่า บริการซักรีด และบริการทำความสะอาดภายในห้องพัก ช่วยดูแลทรัพย์สินและคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยทุกคนภายในโครงการ THE TITLE เพื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายในทุกมิติ

สำหรับบริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 68 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA), แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR), แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR), แบรนด์ ฌาน (CHANN) รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่าโครงการกว่า 98,105 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 52 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 16 โครงการ และ ณ ไตรมาส 2 ปี 2567 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 23,678 ล้านบาท

 

ขณะที่ นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล เลขาธิการ และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตปี 2567 ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และ การเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติ ส่งผลให้กำลังซื้อของคนในพื้นที่แข็งแกร่งขึ้น เช่น เดียวกับความต้องการด้านที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วยเพราะคนต่างชาติต้องการหาบ้านหลังที่ 2 ไว้อยู่อาศัย หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิดกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และ การเกิดสงครามในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอื่นค่อนข้างซบ  ซึ่งสวนทางกับภูเก็ตที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง  และ ยังเป็นจุดโฟกัสของชาวต่างประเทศ  จนทำให้เกิดกระแสการเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในภูเก็ต ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในภูเก็ตมากขึ้น

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การลงทุนที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีความเสี่ยงอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากราคาที่ดินที่ขยับสูงขึ้น อย่างมีนัยะสำคัญ โดยเฉพาะโซนบางเทา ที่ปรับตัวสูงขึ้นหนึ่งเท่าตัว โดยราคาที่ดิน 10 – 50 ล้านต่อไร่ ส่วนที่ดินหน้าหาดนั้นถ้ามองโดยส่วนตัวคิดว่ายังไม่คุ้มกับการลงทุน เพราะราคาที่ดินสูงมาก

 

โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมในภูเก็ตทั้งหมด มูลค่ารวมประมาณ 33,730 ล้านบาท หรือขยายตัวขึ้นราว 7.1% เมื่อเทียบกับปี 2566 ด้านยอดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งแรกปี 2567 มีจำนวน 4,497 หน่วย ขยายตัวขึ้น 259.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีมูลค่าทั้งหมดราว 40,190 ล้านบาท เติบ โตขึ้น 799% ซึ่งทำเลที่มียอดขายใหม่โดดเด่นมากที่สุดคือ “หาดบางเทา-หาดสุรินทร์” จำนวน 2,202 หน่วย หรือคิดเป็น 48.97% ของจำนวนหน่วยยอดขายใหม่ทั้งหมด