รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว! วัยรุ่นใจบุญ แจกของบรรเทาความเดือดร้อนโควิดกลางเมืองภูเก็ต

โพสเมื่อ : Tuesday, April 21st, 2020 : 12.56 pm

 

รอง ผกก.ป.เมืองภูเก็ตแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใจบุญแจกของให้ชาวบ้านสู้ภัยโควิด-19 ผิดข้อหาชุมนุมเสี่ยงทำให้แพร่ระบาดโรค ขณะที่เจ้าตัวเข้ารับทราบข้อหาเพื่อส่งฟ้อง เปิดลานที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ให้เป็นสถานที่แจกของบรรเทาทุกข์เพื่อจัดระเบียบป้องกันโควิดแพร่ระบาด

 

จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มหนุ่มสาววัยรุ่นได้รวมตัวกันบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อจัดซื้อเครื่องอุปโภคนำมาบรรจุถุงแจกจ่ายให้กับชาวบ้านและผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่บริเวณใกล้วงเวียนสุรินทร์หรือวงเวียนหอนาฬิกา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีชาวบ้านเป็นจำนวนมากมาเข้าคิวต่อแถวยาวเกือบ 500 เมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ตและฝ่ายปกครอง อำเภอเมืองภูเก็ตและเทศกิจเทศบาลนครภูเก็ตกว่า 30 นายมาคอยจัดระเบียบและอำนวยการจราจร ขณะเดียวกันมีผู้ห่วงใยในการจัดระเบียบระยะห่าง 2 เมตร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งไม่สามารถจัดระเบียบหรือระยะห่างได้ จนเป็นเรื่องที่ถูกโซเชียลมีเดียใน จ.ภูเก็ตวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจาก จ.ภูเก็ตเป็นพื้นที่สีแดงที่มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 2 ของประเทศและขณะนี้อยู่ระหว่างการปิดรอยต่อระหว่างตำบลทั้ง 3 ตำบล ใน จ.ภูเก็ต

 

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ ( 21 เม.ย.) พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวในเรื่องการจัดระเบียบการแจกสิ่งของอุปโภคบริโภคให้แก่พี่น้องประชาชนเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า การแจกสิ่งของดังกล่าวให้แก่พี่น้องประชาชนเพื่อนำไปอุปโภคบริโภคในช่วงวิกฤตโควิด-19 เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเป็นสิ่งที่ดีและสมควรให้การสนับสนุน ซึ่งภาครัฐได้ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด แต่การแจกสิ่งของเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา มีประชาชนมารอรับเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสี่ยงกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างมาก ถ้าหากไม่มีการจัดระเบียบเว้นระยะห่าง 2 เมตร ตามนโยบายของรัฐบาล และ สตช.

 

โดยผู้ที่นำสิ่งของมาแจกไม่ได้ประสานหรือแจ้งความประสงค์มายัง สภ.เมืองภูเก็ต หรือ ฝ่ายปกครอง อำเภอเมืองภูเก็ต แต่อย่างใด ซึ่งถือว่ามีความผิดอาศัยอำนาจตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่1) ข้อ 5 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 4/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงานหัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 3 (6) เพื่อเป็นการลดโอกาสการแพร่ระบาดของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มิให้ขยายไปในวงกว้าง

 

จึงกำหนดห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคหรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนหรือการกลั่นแกล้ง เพื่อแพร่เชื้อโรค ณ ที่ใดๆทั่วราชอาณาจักร เว้นแต่เป็นการทำกิจกรรมภายในครอบครัวที่อยู่ในเคหสถานของตนเอง หรือกิจกรรมของทางราชการ ซึ่งมีมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ปลอดภัย หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ต้องรับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.63

 

“ซึ่งผู้ฝ่าฝืนกรณีดังกล่าวได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 1 คน เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 เม.ย. และรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวส่งฟ้องต่อศาลทันที ทั้งนี้จึงอยากฝากถึงผู้ใจบุญหรือผู้ที่มีจิตศรัทธาที่จะแจกสิ่งของอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในวิกฤตไวรัสโควิด-19 ซึ่งสามารถแจกได้โดยไม่ผิดกฎหมายต่อเมื่อได้ประสานมายัง สภ.ต่างๆหรือฝ่ายปกครองในพื้นที่นั้นๆ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้จัดกำลังไปดูแลการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เล็งเห็นถึงความสำคัญและความมีน้ำใจของพี่น้องชาวภูเก็ต จึงสั่งให้ใช้พื้นที่ลานของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่กลางในการแจกของในเขตเมือง เพื่อนำร่องพื้นที่จัดระเบียบเว้นระยะห่าง ผู้ใดมีจิตอันเป็นกุศลสามารถแจ้งได้ที่ ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทาง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจัดระเบียบให้