“รองวิม” มั่นใจชาวกะตะ-กะรน ยังไว้วางใจ เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ทวงคืนชายหาดให้ชาวบ้านทำกิน ลั่น..คลองสาธารณะต้องทวงคืนให้ได้

โพสเมื่อ : Sunday, March 14th, 2021 : 4.32 pm

 



รองวิม” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลกะรน มั่นใจชาวกะตะ-กะรนยังไว้ใจ แจงเร่งแก้ปัญหาปากท้อง ทวงคืนพื้นที่ทำกินบนชายหาดให้ชาวบ้าน พร้อมดันกะตะ-กะรนให้ท่องเที่ยวได้ทั้งปี ส่วนนโยบายทวงคืน “คลองสาธารณะ” ลั่นปากแล้วต้องทำให้สำเร็จ

 

นายอิทธิพร สังข์แก้ว หรือ “รองวิม” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้า เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของชาวบ้านตำบลกะรนอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้ทราบถึงปัญหาต่างๆ ที่ต้องการให้มีการแก้ไข ซึ่งกลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้าก็นำเรื่องเหล่านั้นมาปรับเปลี่ยนเป็นนโยบายต่างๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของชาวบ้านให้มากที่สุด และในการลงพื้นที่หาเสียง ได้ให้คำมั่นกับพี่น้องชาวกะตะ-กะรน ว่า “ตนมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนา กะตะ-กะรน ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นที่พักผ่อนที่คุ้มค่าต่อการมาเยือนของนักท่องเที่ยว และเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยของประชาชนอย่างแท้จริง”

 

สำหรับปัญหาของชาวกะตะ-กะรน ที่รับฟังมาและต้องการให้มีการแก้ไขด่วนที่สุด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความเดือดร้อนที่เกิดจากโควิด-19 เป็นปัญหาปากท้อง ปัญหาคนไม่มีรายได้ เนื่องจากจนถึงขณะนี้การท่องเที่ยวซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักของเศรษฐกิจในพื้นที่ยังไม่ขยับ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ได้ประกอบอาชีพ ทำให้ขาดรายได้ หากทางกลุ่มได้รับการรับเลือกจะเร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ จัดพื้นที่ให้ชาวบ้านได้ทำมาหากิน จัดกิจกรรมและอีเว้นท์ ต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้คนมาเที่ยวหาดกะตะกะรนมากขึ้น โดยระยะแรกมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาเที่ยวก่อนที่คนต่างชาติจะเข้ามา  

 

นอกจากนี้จะสิ่งที่มุ่งหวังที่จะทำให้เกิดขึ้นให้ได้ คือ การทวงคืนอาชีพบนชายหาดของชาวกะตะกะรนกลับคืนมา เพราะขณะนี้พื้นที่ที่จัดสรรให้ทำมาหากินได้ด้วยการวางร่ม เตียง บนชายหาด เพียง 10% นั้น ไม่เพียงพอในการเลี้ยงครอบครัว เมื่อไม่มีพื้นที่ทำกินคนกะตะกะรนก็ไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร เพราะทุกวันนี้เหลือแต่อาชีพด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น อาชีพอื่นๆ ไม่สามารถทำมาหากินได้แล้วทั้งทำสวน ทำประมง และทำไร่ ด้วยการเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ที่เกี่ยวข้องขอพื้นที่ชายหาดเพิ่มในการทำกินประมาณ 50% เพื่อให้มีรายได้พอเพียงในการเลี้ยงครอบครัว

 

นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังมีแนวคิดที่จะเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้กับหาดกะตะกะรน ที่นอกเหลือจากหาดทราย ชายทะเล ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น การสร้างจุดถ่ายรูป เช็คอิน ด้วยสตรีทอาร์ต การพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการขอความร่วมมือจากเจ้าของที่ดิน ทำเป็นทุ่งดอกปอเทียง ทุ่งดอกทานตะวัน ฯลฯ สร้างจุดถ่ายรูปเช็คอิน รองรับกลุ่มลูกค้าคนไทย รวมไปถึงหาพื้นที่สำหรับให้กลุ่มวัยรุ่นได้ทำกิจกรรม เช่น เซิร์ฟสเก็ต ที่จะมีการปิดถนนเรียบหาดปากบางตั้งแต่เวลา 16.00 – 18.00 น.เพื่อให้ได้ทำกิจกรรม ดึงคนให้เข้ามาพื้นที่

ส่วนนโยบาย 4 ด้านของกลุ่มท้องถิ่นก้าว ประกอบด้วย

 

การฟื้นเศรษฐกิจ ถือเป็นความสำคัญลำดับแรก ด้วยความตระหนักถึงสภาพความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่เกิดขึ้นหลังภาวะวิกฤติโควิด19 รายได้จากการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศซึ่งเคยเป็นแหล่งรายได้หลัก กลายเป็นศูนย์ต่อเนื่องมานานกว่า 1ปี 6 เดือนแล้ว ประชาชนในพื้นที่ตกอยู่ในสภาพ รายได้หด ตกงาน ไม่มีรายได้ หนี้สินเพิ่ม ดังนั้น การประคับประคองให้ประชาชนลุกขึ้นมายืนหยัดให้ได้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ต้องลงมือทำทันที

 

พัฒนา “กะตะ-กะรน สู่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี การพังทลายของการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่เราต้องนำมาศึกษา และปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ให้มีความเหมาะสม การเข้าสู่ตลาดท่องเที่ยว “ไทยเที่ยวไทย” อย่างจริงจัง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เศรษฐกิจในพื้นที่กระเตื้องขึ้นแล้ว ยังถือเป็นกุญแจกดอกแรกที่จะเปิดประตูการพัฒนากะตะ-กะรน สู่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี นอกจากหาดทรายและทะเล ซึ่งเป็นของดีที่สุดของเราอยู่แล้ว เราจะต้องสร้างสรรค์แหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยชื่นชอบอย่างทุ่งปอเทือง ทุ่งทานตะวัน ซึ่งสามารถทำได้เลย นอกจากนั้นการส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมศิลปะ ดนตรี กีฬา และนันทนาการต่างๆ ทั้งระดับนานาชาติ และท้องถิ่น เพื่อสร้างสีสันบ่งบอกความเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก กระตุ้นความน่าสนใจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ตลอดทั้งปี ก็เป็นเรื่องที่คิดและเขียนไว้ในนโยบาย สิ่งเหล่านี้จะเป็นทิศทางที่จะนำกะตะ-กะรนก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

 

คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนคือเครื่องชี่วัดว่าการพัฒนาบ้านเมืองนั้นเป็นไปอย่างถูกทิศทางหรือไม่ การศึกษาเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง กลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้า มีนโยบายยกระดับศูนย์เด็กเล็กเป็นโรงเรียนอนุบาล และผลักดันให้มีการถ่ายโอนโรงเรียนในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภูเก็ต (สพฐ.ภูเก็ต) มาอยู่ในการดูแลของเทศบาลฯ ในด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน นอกจากโครงการก่อสร้างสนามกีฬามาตรฐาน ที่สามารถรองรับการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติแล้ว กลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้ายังมีนโยบายที่จะปรับปรุง ออกแบบ “สวนสาธารณะ” ให้มีความอเนกประสงค์มากขึ้น โดยผสมผสาน “ลานกีฬา Extreme” ซึ่งกำลังเป็นเทรนนิยมของโลก เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะด้วย ซึ่งนอกจากจะตอบสนองต่อคนทุกวัยในพื้นที่แล้ว ยังเป็นไฮไลท์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไปพร้อมๆ กันอีกด้วย

 

พัฒนาโดยดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุด ด้วยการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ถนนหนทางได้มาตรฐาน ระบบ CCTV เพื่อความปลอดภัย, ไฟฟ้าแสงสว่าง และระบบประปา ครอบคลุมทั่วพื้นที่ ปัญหาขยะทั้งบนบกและในทะเล, น้ำเสีย, ภูมิทัศน์เมือง และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ น้ำแล้ง, น้ำท่วม ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร และเตรียมความพร้อมอุปกรณ์-เครื่องมือ ให้พร้อมสรรพตลอดเวลา เพื่อช่วยเหลือประชาชนเมื่อเผชิญเหตุฉุกเฉิน และภัยพิบัติต่างๆ

 

นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า นโยบายพื้นฐานของผู้สมัครนายกในแต่ละท้องถิ่นแทบจะไม่แตกต่างกัน มีเพียงไม่กี่นโยบายที่โดดเด่น ฉีกแนวสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน บางนโยบายเขียนได้ง่ายๆ เช่น “นโยบายแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยเร็ว” แต่ลงมือทำจริงกลับยากเย็นแสนเข็ญ เพราะรากของปัญหาจริงๆ ก็คือ คลอง และลำรางสาธารณะจำนวนไม่น้อยถูกบุกรุก ถูกถมทำลายจนหมดสภาพการเป็นช่องทางระบายน้ำ และคนที่ทำเช่นนี้ได้ก็ต้องมีเงิน มีอำนาจ และมีอิทธิพลเท่านั้น อย่างก็ตามเมื่อตนและกลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้า ได้นำเสนอ “นโยบายทวงคืน คลองและลำรางสาธารณะเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก” ให้ได้ ก็จะมุ่งมันตั้งใจในการแสวงหาหลักฐานต่างๆ มาดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด

 

นอกจากนั้นมียังมีนโยบายที่เขียนกันไว้สวยหรู แต่เทศบาลฯไม่สามารถทำได้โดยลำพัง หากแต่ต้องขอรับการสนับสนุนทั้งด้านงานประมาณ และด้านอำนาจหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในการผลักดันโครงการให้บรรลุเป้าหมาย จากประสบการณ์ที่เป็น “รองนายกเทศมนตรีฯ” มาหลายสมัย ทำให้ตระหนักเป็นอย่างดีว่า “คอนเน็กชั่น” นั้นส่งผลต่อความสำเร็จ หรือล้มเหลวของโครงการฯต่างๆ มากเพียงใด วันนี้ตนพร้อมที่จะใช้ประสบการณ์และคอนเน็กชั่นที่สั่งสมมาทั้งหมดที่มีอยู่ มาผลักนโยบายต่างๆ ที่ได้นำเสนอต่อพี่น้องชาวกะตะ-กะรน ให้บรรลุเป้าหมายให้จงได้ ดังนั้นขอให้เชื่อมั่น และไว้วางใจเลือก “นายอิทธิพร สังข์แก้ว” เป็นนายกเทศมนตรีตำบลกะรน และเลือก “กลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้า” เข้าไปทำงานแบบยกทีม นายอิทธิพร กล่าว

ส่วนกรณี “สนามกีฬา” ที่กำลังเป็นดราม่าในโลกโซเซียลมีเดียภูเก็ต นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเทศบาลตำบลกะรน ได้ดำเนินการตั้งงบประมาณสำหรับดำเนินการปรับปรุงและซ่อมแซมสนามกีฬาดังกล่าว ให้เป็นสนามกีฬามาตรฐาน และประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ โดยต้องดำเนินการขออนุญาตใช้ประโยชน์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จเสียก่อน ทำให้ระหว่างนี้เทศบาลฯ ยังไม่สามารถเข้าไปปรับปรุง ซ่อมแซม หรือดำเนินการใดๆ ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการขออนุญาตเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะจะมีขั้นตอนยุ่งยาก แต่ก็ต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

 

ส่วนดราม่าในเรื่องที่ว่า “ทำไมไม่สร้างอัฒจันทร์ให้หันหน้าหาทะเล เพื่อให้สามารถชมกีฬาและวิวทะเลไปพร้อมๆ” กัน ขอเรียนว่าในการก่อสร้างสนามกีฬาแห่งนี้ เทศบาลฯ เคยหารือกับการกีฬาแห่งประเทศไทยมาแล้วในประเด็นดังกล่าว โดยได้รับคำชี้แจงว่า หากต้องการให้สนามกีฬาได้มาตรฐานสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ จะต้องมีการควบคุมความแรงของลมและแสงแดด ให้มีผลกระทบต่อการแข่งขันให้ได้มาตรฐานด้วย

 

ในส่วนของพื้นที่ตำบลกะรนมีช่วงฤดูมรสุมอยู่นานหลายเดือน หากสร้างอัฒจันทร์หันหน้าออกทะเลก็จะมีช่วงเวลาที่ไม่สามารถจัดการแข่งขันรายการกีฬาที่เป็นทางการอยู่หลายเดือน ดังนั้นเมือพิจารณาถึงวัตถุประสงค์แล้ว ในการก่อสร้างปรับปรุงสนามกีฬาครั้งนี้ เทศบาลจึงยังคงสร้างอัฒจันทร์ให้เป็นแนวบังลมในช่วงดูมรสุม เพื่อให้สนามกีฬาแห่งนี้จึงสามารถใช้งานได้ตลอกทั้งปี และเห็นว่าประชาชนสามารถเลือกทำเลอื่นในการชมวิวทะเลหาดกะรนได้อย่างหลากหลายอยู่แล้ว