รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจศูนย์ PIPO ภูเก็ต ยืนยันพร้อมรับมืออียูลงพื้นที่สุ่มตรวจกลางต.ค.นี้

โพสเมื่อ : Friday, October 5th, 2018 : 4.06 pm

รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจการทำงานศูนย์ควบคุมแจ้งเข้า-ออกเรือประมงภูเก็ต เตรียมพร้อมรับเจ้าหน้าที่อียูมาตรวจกลางต.ค.นี้ มั่นใจดำเนินการได้ตามมาตรฐาน ในการทำประมงอย่างยั่งยืน

เมื่อเวลา 90.00 น.วันนี้ (5 ต.ค.) ที่ท่าเทียบเรือประมง องค์การสะพานปลาจังหวัดภูเก็ต พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาสุ่มตรวจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมแจ้งเข้า-ออกเรือประมงจังหวัดภูเก็ต (PIPO) ตรวจเยี่ยมท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต ศูนย์ควบคุมเรือที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต

และประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ควบคุมแจ้งเข้า-ออกเรือประมงทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย IUU Fishing ของจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายวัชรินทร์ รัตนะชู ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมแจ้งเข้าออกเรือประมงเขต 3 ภูเก็ต นายธีรวัฒน์ จริตงาม หัวหน้าด่านตรวจสัตว์น้ำจังหวัดภูเก็ต และนายกรกฎ เภรีภาศ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้ข้อมูล

พลเอกฉัตรชัย กล่าวภายหลังการประชุมว่า การเดินทางมาตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมแจ้งเข้า-ออกเรือประมงที่ภูเก็ตในวันนี้นั้น เป็นการสุ่มตรวจโดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าให้หน่วยงานในพื้นที่ทุกหน่วยทราบล่วงหน้า ทั้งนี้เพื่อต้องการที่จะเห็นการปฏิบัติที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง โดยไม่ได้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเหมือนกันมาตรวจงานทั่วๆไป

ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ เจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรป (EU) จะเข้ามาสุ่มตรวจเรือประมงของไทย และ การปฏิบัติงานศูนย์ PIPO โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเหมือนกัน ซึ่งจากการสุ่มตรวจที่ภูเก็ตในวันนี้ ทำให้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีปฏิบัติงานมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานเป็นอย่างดี สามารถปฏิบัติงานได้ดีทุกคน และเชื่อว่าศูนย์ PIPO ที่ภูเก็ตน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ทางสภาพยุโรปเข้ามาตรวจสอบอย่างแน่นอน ซึ่งมั่นใจว่าที่ภูเก็ตน่าจะผ่านมาตรฐานของสหภาพยุโรปอย่างแน่นอน พร้อมทั้งได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกท่านให้ปฏิบัติงานอย่างจริงจังไม่มีผักชีโรยหน้าเกิดขึ้น
“การมาสุ่มตรวจการทำประมงของไทย ของสภาพยุโรปในกลางเดือน ต.ค.นี้ เชื่อว่าการทำงานของประเทศไทยที่ผ่านมา จะเป็นไปตามมาตรฐานของสภาพยุโรป ที่จะทำให้เกิดการทำประมงอย่างยั่งยืน มีระบบการควบคุมไม่ให้มีการทำประมงที่ผิดกฎหมาย”เพราะรัฐบาลชุดนี้มุ่งหวังให้มีการทำประมงที่ยั่งยืน จากเดิมที่เรือประมงออกไปทำประมงมีมากกว่าปริมาณสัตว์น้ำ เครื่องมือประมงไม่ถูกกฎหมาย นำไปสู่การทำประมงแบบทำลายร้าง สัตว์น้ำลดลงจนเกือบจะสูญหายไปทั้งหมด ลูกหลายของเราจะอยู่ได้อย่างไร

“เมื่อรัฐบาลออกกฎระเบียบมา ในช่วงแรกๆ ชาวประมงอาจจะอึดอัดบ้าง เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องปฏิบัติเพื่อให้การทำประมงเป็นไปตามกฎหมายกำหนด ซึ่งนำมาซึ่งสัตว์น้ำที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้จากสถิติการจับสัตว์น้ำในฝั่งอ่าวไทยในปี 2560 ที่สามารถจับได้ในปริมาณที่มากกว่าและตัวใหญ่กว่าในปี 2559 แสดงให้เห็นว่าท้องทะเลไทยมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นหลังจากที่ทางรัฐบาลได้ดำเนินการให้เกิดการทำประมงอย่างยั่งยืน” พลเอกฉัตรชัย กล่าวในที่สุด