รมว.ท่องเที่ยวพร้อมดันนำร่อง “บางลาโมเดล” บันเทิงเปิดถึงตี 4 คนบันเทิงหนุน มั่นใจทำรายได้เพิ่มเดือนละ 100 ล้าน

“พิพัฒน์” ลงบางลา ป่าตอง  เดินหน้าผลักดัน เปิดผับตี 4 นำร่อง “บางลาโมเดล” ที่ภูเก็ต เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวดันเข้า ศบค. เดือน ต.ค.นี้   ด้านประธานชมรมผู้ประกอบการฯ เผยขยายเวลาถึง ตี 4  ทำรายได้เพิ่มอีก  100 ล้านบาทต่อเดือน

เมื่อเวลา 23.00 น. คืนวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เพื่อพบปะและพูดคุยกับผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง บริเวณซอยบางลา  เพื่อหารือและรับทราบข้อเท็จจริงกรณีการผลักดันให้เปิดสถานบันเทิงได้ถึงตี 4 โดย มีนายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง และ ตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิงซอยบางลา ร่วมการการต้อนรับ และนำเดินรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการ รวมทั้งพนักงาน และนักท่องเที่ยว ซึ่งพบว่าบรรยากาศของซอยบางลาเป็นไปด้วยความคึกคัก มีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวและใช้บริการเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันมีพนักงานของสถานบันเทิงออกมายืนชูป้ายข้อความต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้ช่วยเหลือในการขยายเวลาเปิดสถานบริการได้ไปจนถึงเวลา 4 นาฬิกา และขอบคุณรัฐมนตรีฯ ด้วย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังลงพื้นที่ว่า สำหรับการลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับผู้ประกอบการสถานบันเทิงซอยบางลา ไม่ใช่ที่แรก ต่างบอกว่าควรจะขยายเวลาไปจนถึงเวลา 4 นาฬิกา แต่เนื่องจากเป็นเรื่องข้อกฎหมายจึงต้องนำข้อเสนอไปหารือกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะหลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19  และภูเก็ตได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ที่สำคัญผู้ประกอบการสถานบันเทิงพึ่งได้รับการอนุญาตให้เปิดบริการได้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวต่ออีกว่า จากการลงพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นถนนบางลา ป่าตอง ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ เกาะสมุย และเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี มีข้อเรียกร้องที่เหมือนกัน คือ ขอให้รัฐบาลขยายเวลาในการเปิดสถานบริการถึงเวลา 4 นาฬิกา หลังจากนี้ตนโดยจะนำข้อเสนอดังกล่าวไปหารือกับ ศบค. ว่า จะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้อย่างไรบ้าง ในการผ่อนผันเปิดให้ได้ถึง 4 นาฬิกา แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมายและเป็นกฎหมาย ที่มีการใช้มาเป็นเวลานาน ดังนั้นคงต้องค่อยๆ แก้ปัญหากันไป

โดยตนพร้อมร่วมหารือและขับเคลื่อนในการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงตามที่มีการร้องขอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีความสุขและสนุกสนานในการดื่มกินกับเพื่อนฝูง ที่สำคัญ คือ จากข้อมูลการทำวิจัยของนิด้า และ ราชภัฎภูเก็ต ตรงกันว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเวลา 1-3 นาฬิกา เป็นช่วงพีกที่สุด และ ค่อยๆลดลงจนถึง 4 นาฬิกา และรายได้ที่เกิดขึ้นไม่เฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น แต่กระจายไปยังกลุ่มอื่น ๆ เป็นลูกโซ่ด้วย

ทั้งนี้จะนำเข้า ศบค.ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ เนื่องจากไม่สามารถนำเข้าได้ทันในเดือนกันยายนนี้  โดยเรื่องที่ยากที่สุด คือ การแก้กฎหมาย  แต่หากไม่เริ่มต้นทุกอย่างก็ไม่เกิด โดยจะเอาข้อเท็จจริงที่ได้รับทั้งหมดไปหารือกับนายรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ซึ่งการแก้กฎหมายเป็นเรื่องอยาก แต่ตนก็อยากให้มีการผลักดันให้เกิดขึ้นในพื้นที่ทดลอง พื้นที่โซนนิ่ง ถ้าถามว่าอยากให้มีการทดลองพื้นที่ใหนมากที่สุดขอบอกว่า พื้นที่ซอยบางลา หาดป่าตอง และจะทำให้เป็น “บางลาโมเดล” เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนเข้ามาเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

ด้าน นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า  ด้วยรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ มีแนวคิดในการผลักดันให้สถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ถึง 4 นาฬิกาในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น บางลา ป่าตอง, พัทยา เชียงใหม่ เกาะสมุย เป็นต้น สำหรับภูเก็ต หากสามารถขยายเวลาการเปิดออกไปได้จนถึง 4 นาฬิกา จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน  เพราะเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการมาก  สามารถทำมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ดี  ซึ่งการเปิดบริการถึงเวลา 2 นาฬิกา นักท่องเที่ยวมีรายจ่ายเฉลี่ยต่อหัวประมาณ 3,000-4,000 บาท แต่การปิดในเวลาดังกล่าวยังไม่ตอบโจทย์ของนักท่องเที่ยว

เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการสถานบันเทิงส่วนใหญ่จะเป็นช่วงดึกไปแล้ว และเรื่องการขอเปิดถึง 4 นาฬิกา ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่มีการนำเสนอมาค่อนข้างนานมากแล้วว่า การขยายเวลาออกไปจะเกิดผลทางเศรษฐกิจและกระตุ้นการท่องเที่ยว เชื่อมโยงไปถึงอาชีพอื่น ๆ ที่จะได้รับอานิสงค์ไปด้วย ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ป่าตองมีผู้ประกอบการสถานบันเทิงเปิดให้บริการแล้ว 100% นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นอินเดีย และ ทราบว่าขณะนี้รัสเซียกำลังเดินทางกลับเข้ามาในเร็วๆ นี้ รวมถึงยุโรป

หากขยายเวลาออกไปอีกจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ปัจจุบันรายได้ที่เกิดจากสถานบันเทิงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณวันละ 20 ล้านบาท ตลอดทั้งเดือนอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท ถ้าขยายเวลาออกไปอีกจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเดือนละไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท