มอ.ภูเก็ต โชว์ผลงานวิจัย พบสัญญาณ เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ปี 2020 กำลังจะเปลี่ยน

โพสเมื่อ : Friday, December 13th, 2019 : 10.43 am

มอ.ภูเก็ต โชว์ผลงานวิจัย พบสัญญาณ เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ปี 2020 กำลังจะเปลี่ยนไป พบตัวเลขอยู่ในช่วงชะลอตัว ระบุเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ค่าเงินบาท ค่าครองชีพ ท่องเที่ยวอิ่มตัว

เมื่อเร็วนี้ ฝ่ายวิจัยคณะการบริการ และ การท่องเที่ยวมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต โดย ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษาคณะบริการและการท่องเที่ยว ได้นำเสนอผลงานการวิจัย ภายใต้หัวข้อ “2020 จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจภูเก็ต ซึ่งจากการศึกษาวิจับพบสัญญาณว่า เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตกำลังจะเปลี่ยนไป ซึ่งช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตมีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยถึงร้อยละ 6.67 ต่อปี ซึ่งภาคการท่องเที่ยว คือ เครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนการขยายตัวดังกล่าว แต่ การขยายตัวดังกล่าวเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวตั้งแต่ปี 2017  และ ในปีนี้ 2019 คือปีที่หลายภาคส่วนเริ่มสัมผัสได้ถึงภาวะชะลอตัว

 

แต่ภาวการณ์ ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการหดตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน จากข้อมูลจำนวนผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยาน ตั้งแต่ปีเดือนมกราคม 2019 จนถึงปัจจุบัน  ชี้ให้เห็นว่า จำนวนผู้โดยสารขาเข้าจังหวัดภูเก็ตโดยเฉลี่ยนั้นจริง ๆ แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2561 แต่ผลสำรวจล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่าผู้ประกอบการภาคบริการและการท่องเที่ยวในเขตภาคใต้สะท้อนความเห็น ว่า พวกเขามีผลประกอบการลดลงหากเทียบกับปี 2018 โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 อีกทั้งยอดเบิกเกินวงเงินของภาคธุรกิจ (O/D) ในจังหวัดภูเก็ตปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 3.27 โดยไตรมาสที่ 3 ยอด O/D  ปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 6 เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ความต้องการแรงงานในช่วงเวลาเดียวกันลดลงกว่าร้อยละ 24.5

ตัวชี้วัดข้างต้นก่อให้เกิดคำถามถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะการณ์ชะงักงัน ทางธุรกิจของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งคาดว่าเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ค่าเงินบาทกระทบความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจการบริการ และ การท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ ในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อแทบทุกสกุลเงิน หากพิจารณาสกุลเงินของนักท่องเที่ยวหลักในจังหวัดภูเก็ต พบว่าการแข็งค่าของค่าเงินบาททำให้อำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยวจีนลดลงถึงร้อยละ 21 หากเทียบกับ 5 ปีก่อน, อำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยวยุโรปลดลงถึงร้อยละ 23, สินค้า และ บริการ ที่เคยถูกมองว่าราคาถูกสำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนี้อาจมีมูลค่าสูงกว่าประเทศอื่นหรือแม้กระทั่งแพงกว่าที่ประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยวเอง

อำนาจการซื้อที่ลดลงส่งผลในวงกว้างแม้กระทั่งสินค้าระดับ High-end ทางเราพบว่าแม้กระทั่งราคาเฉลี่ยห้องพัก (ARR) ของโรงแรมระดับหรูในจังหวัดภูเก็ตที่มีราคาขายมากกว่า 10,000 บาทต่อคืน มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 7.03 อีกทั้งอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OCC. Rate) ก็ลดลงถึงร้อยละ 10.16 ในไตรมาสที่ 3 เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่การแข็งค่าขึ้นเงินบาทคงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อภาวการณ์ดังกล่าว

 

(2) Disruption ข้อมูลล่าสุดยังคงชี้ให้เห็นว่าจังหวัดภูเก็ตยังครองแชมป์ด้านค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อคนต่อวันของผู้มาเยี่ยมเยือน แต่การกระจายตัวของรายได้จากการท่องเที่ยวนั้นเปลี่ยนไปจากเดิมเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนแปลงไป บทบาทของตัวกลางทางดิจิทัลนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยล่าสุดพบว่าร้อยละ 64 ของของนักท่องเที่ยว Gen Y ในจังหวัดภูเก็ต จองห้องพักผ่านตัวกลางดิจิทัลแบบ B2C เช่น OTA และเรายังพบว่าในปัจจุบันการจองห้องพักผ่านตัวกลางดิจิทัลแบบ C2C มีแนวโน้มสูงขึ้นในจังหวัดภูเก็ตอย่างเห็นได้ชัด  อีกทั้งตัวกลางดิจิทัลเริ่มมีบทบาทสูงขึ้นในหมวดค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยว  

 

(3) การท่องเที่ยวภูเก็ตถึงจุดอิ่มตัว? ภูเก็ตใช้ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวมากว่าสามทศวรรษ งานวิจัยล่าสุดโดยใช้ Big data ของคณะฯ เริ่มชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดเนื่องจากมิติเรื่องความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติถูกท้าทายจากทั้งปัจจัย และปัจจัยภายในซึ่งเราพบว่าชายหาดยอดนิยมหลายแห่งของจังหวัดภูเก็ตถูกกล่าวถึงในด้านลบมากกว่าในด้านบวก

ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในระยะสั้น แต่ปัจจัยทั้งสามดังที่กล่าวไปข้างต้น อาจจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดภูเก็ตในเวทีเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ดังนั้นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต้องปรับตัว

อย่างไรก็ตามผลงานวิจัยยังได้ระบุถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการด้วยว่า ควรจะปรับตัวอย่างไร ? 1.ปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาสินค้าและบริการ ชั่วโมงนี้อย่ามองเพียงมูลค่าเงินบาทของสินค้าและบริการ แต่ควรศึกษาว่าอำนาจการซื้อของลูกค้าหลักเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด หากเทียบกับในยุครุ่งเรืองของธุรกิจ ด้วยทิศทางของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นผู้ประกอบการไม่ควรขึ้นราคาสินค้าหรือบริการเพราะจะไปซ้ำเติมอำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและทิศทางค่าเงินบาทการปรับราคาสินค้าและบริการ ในช่วงสองถึงสามปีข้างหน้าอาจเป็นไปได้ยากแต่การปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจอยู่ในวิสัยที่ทำได้เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยมีทิศทางปรับตัวลดลง

2.เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจภาคการบริการและการท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องปรับตัวสู่ยุค Digital Transformation ยกตัวอย่างเช่น การสื่อสารแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) ในปัจจุบันอยู่ในรูปแบบการเขียนและอ่านรีวิว ดังนั้นภาพลักษณ์ของธุรกิจท่านบนโลกดิจิทัลไม่ได้เป็นการสื่อสารด้านเดียวแบบเดิมอีกต่อไป ในหลักการที่ผู้บริโภคตัดสินใจบนข้อมูลสมบูรณ์ (Perfect information) ซึ่งขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจในโลกดิจิทัล รีวิว คอมเมนต์ จึงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

3.จากการสำรวจครั้งล่าสุดพบว่า การกลับมาเที่ยวซ้ำของจังหวัดภูเก็ตนั้นสูงถึง 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อรักษาและเพิ่มจำนวนการกลับมาเที่ยวซ้ำของนักท่องเที่ยวในยุคที่หลายเมืองในภูมิภาคนี้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม ภาครัฐและเอกชนควรยกระดับ/เพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวในกับผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดภูเก็ต ด้วยแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการเซลฟี่ การดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบ mice and incentive travel ที่ส่งเสริมเสถียรภาพของการดำเนินธุรกิจในช่วง Low season หรือ กิจกรรมสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น การจัดนิทรรศการระดับโลก การแสดงดนตรีระดับโลก การแข่งขันกีฬาทางน้ำระดับโลก