มอ.ภูเก็ต จี้ปัญหาขาดแคลนน้ำมีทางออก ระบุน้ำดิบมีเพียงพอถ้าบริหารจัดการดี

โพสเมื่อ : Tuesday, February 18th, 2020 : 1.45 pm

มอ.ภูเก็ต วาง 3 แนวทาง แก้ภูเก็ตขาดน้ำในพื้นที่ แนะจังหวัดระยะเร่งด่วนขุดเจาะน้ำใต้ดินมาใช้แล้งนี้ ขณะที่แผนระยะยาวรีไซเคิล-ผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล เชื่อภูเก็ตมีน้ำดิบเพียงพอถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี

เมื่อเร็วๆ นี้  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต โดยคณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม จัดผลงานวิจัยในหัวข้อ “การขาดแคลนน้ำและแนวทางการแก้ไขของจังหวัดภูเก็ต” โดยมี รศ.ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดีวิทยาเขตภูเก็ต พร้อมด้วย ผช.ดร.วีระพงค์ เกิดสิน คณบดีคณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และ ดร.อวิรุทธิ์ พุฒิวงศ์รักษ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา ร่วมแถลงข่าว ณ ห้อง 5103 A อาคาร 5A ตึกข้างอาคารสำนักงานอธิการบดี เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2563 ที่ผ่านมา

โดยผลการศึกษาระบุว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นปัญหาสำคัญสำหรับเมืองที่มีการเจริญเติบโตสูง จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองหนึ่งที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมาอย่างต่อเนื่องจากการเจริญเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในทุกปีของจังหวัดภูเก็ต เป็นเหตุในปริมาณความต้องการน้ำเพิ่มสูง ซึ่งตามข้อมูลของกรมชลประทาน ระบุว่า จังหวัดภูเก็ตมีความต้องการน้ำต่อปีเฉลี่ย 80 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่การผลิตน้ำสามารถผลิตได้เฉลี่ยเพียงแค่ 48 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีเท่านั้น ปริมาณกว่า 32 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีที่เป็นความต้องการน้ำที่ยังขาดแคลน ทำให้จังหวัดภูเก็ตต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้งของทุกปี โดยศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทย ได้ประเมินความสูญเสียทางเศรษฐกิจสำหรับปัญหาภัยแล้งในประเทศไทย พบว่า ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย คิดเป็นตัวเงินกว่า 15,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.1 ของจีดีพีของประเทศ

อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาขาดแคลนน้ำของภูเก็ตคือ การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ ข้อมูลปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนเมื่อปี 2562 พบว่า ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนลดลงจากปริมาณน้ำฝนรายเดือนเฉลี่ย 10 ปี ในเกือบทุกเดือนตลอดทั้งปี ปริมาณน้ำฝนที่ลดลงส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำต้นทุนที่จะน้ำมาผลิตเป็นน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต นำโดยคณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืนของจังหวัดภูเก็ต โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ประกอบด้วย

สำหรับการแก้ไขปัญหาสำหรับระยะสั้น (ระยะเร่งด่วน) ทางมหาวิทยาลัยได้เสนอให้ใช้น้ำบาดาลในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจากแผนที่แสดงศักยภาพน้ำบาดาลที่วิจัยโดยคณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถระบุพื้นที่ที่สามารถขุดเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาใช้สอยได้สำหรับหน้าแล้งที่กำลังจะมาถึวทั้งหมด 7 จุด โดยมี 2 จุดที่มีศักยภาพสูงมากอยู่ในพื้นที่อำเภอถลาง คือ บริเวณบ้านโคกโตนด และบ้านลิพอน เป็นจุดที่เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ แอ่งน้ำอยู่ไม่ถึงจากผิวดินมาก เป็นน้ำจืดสนิท สามารถที่จะขุดเจาะนำน้ำขึ้นมาใช้ได้เลย

นอกจากนี้ ยังมีแหล่งน้ำดิบจากขุมเหมืองทั้ง 111 ขุมเหมือง ที่มีการเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยเครื่องมือที่ติดตั้งโดยคณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม สามารถใช้เป็นแหล่งน้ำสนับสนุนของน้ำต้นทุน ในกรณีที่การขุดเจาะน้ำบาดาลไม่ทันกับปริมาณความต้องการน้ำในหน้าแล้งนี้

สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาระยะกลาง การสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลน้ำและการเฝ้าติดตามข้อมูลน้ำจะมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและทันท่วงที อีกทั้งการจัดทำธนาคารน้ำในชุมชน กล่าวคือ การเก็บข้อมูลการใช้น้ำและการเติมน้ำเข้าสู่แอ่งน้ำบาดาล เสมือนการฝากถอนของทางธนาคาร จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเป็นระบบและเท่าทันปัญหา

ส่วนระยะยาวนั้น คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้สำหรับการผลิตน้ำต้นทุน อย่างเช่น เทคโนโลยีการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ หรือการรีไซเคิลน้ำ และเทคโนโลยีการเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด เป็นต้น จะเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนสำหรับเติมเต็มช่วงว่างระหว่างความต้องการน้ำและการผลิตน้ำของภูเก็ตให้มีความสมดุลเพื่อให้จังหวัดมีทรัพยากรน้ำสำหรับใช้สอยอย่างยั่งยืน

โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืนของจังหวัดภูเก็ตนั้น ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ได้นำเสนอต่อทางจังหวัดภูเก็ตเพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมา ทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำมาโดยตลอด ได้มีการนำเสนอโครงการที่จะแก้ปัญหาทั้งหมด 9 โครงการ สู่การพิจารณาของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่จะมีการประชุมในเร็วๆ นี้