“มงคลกิตติ์”ลงภูเก็ต รับเรื่อง เดอะ พีค เรสซิเดนซ์” ลั่นคลองบางรักต้องได้คืน 

โพสเมื่อ : Friday, August 23rd, 2019 : 9.18 pm

 “มงคลกิตติ์” ลงพื้นที่ภูเก็ต รับทราบข้อเท็จจริงคอนโดพิพาท-คลองสาธารณะบางรัก เผยที่ดินจังหวัดกำลังทำเรื่องขอแก้ไขโฉนดจากเจ้าของ คาดภายใน 60 วัน ได้คลองบางรักกลับคืนมาเหมือนเดิมวันนี้( 23 ส.ค.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และคณะ  เข้าพบนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน เพื่อขอทราบข้อมูลข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการเดอะพีค เรสซิเดนท์ เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้านในตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการเดอะพีคฯ มีปัญหาและผลกระทบต่อการก่อสร้างในพื้นที่  เพื่อนำปัญหามาแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ตามกฎหมายแบบเท่าเทียม

จากนั้นช่วงบาย ได้เข้าพบนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ทั้งเพื่อรับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมในส่วนของการออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก และการออกเอกสารสิทธิ์ทับคลองบางรัก นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าภูเก็ต ครั้งนี้ทำให้รับทราบข้อมูลทั้งสองด้านในการออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก และการขออนุญาตการก่อสร้างโครงการเดอะพีคฯ จากข้อมูล ทราบว่า คอนโด เดอะพีคฯ  ได้ขออนุญาตถูกต้อง  และเทศบาลตำบลกะรน อนุญาตถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์

“วันนี้ ก็ได้ฟังข้อมูลรอบด้านจากปัญหาที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจากทั้งคนในพื้นที่ นายกเทศมนตรีตำบลกะรน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน แล้วก็มายังผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ เจ้าหน้าที่ที่ดิน เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาอธิบายต้นสายปลายเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบ่งเป็น 2 เรื่องใหญ่ๆ 

เรื่องแรก คือ เรื่องการก่อสร้างโครงการเดอะพีค  เรสซิเด้นท์ ของบริษัท กะตะบีช จำกัด ที่อยู่เชิงเขา เท่าที่ตรวจสอบแล้ว ณ ปัจจุบัน สถานภาพศาลปกครองชั้นต้นเพิกถอน นส.3 ก แต่ทางบริษัทได้อุทธรณ์ เขาก็ยังมีสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง มาตรา 70 อยู่ ซึ่งเขาก็สามารถดำเนินการต่อไปได้  ตามการอนุญาตของเทศบาลตำบลกะรน ซึ่งก็เป็นไปตามกฎกระทรวงอยู่แล้วว่าสามารถที่จะก่อสร้างได้ แต่ในอนาคตถ้าศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ว่าที่ดินแปลงนี้ออกโฉนดมาไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือออกผิดระเบียบ บริษัท กะตะบีช ก็จะเป็นผู้เสียหาย ก็จะต้องไปไล่บี้กับคนที่ออกนม.3 ก ว่าใครบ้างที่เกี่ยวข้องในขณะนั้น ซึ่งก็ต้องรอศาลปกครองสูงสุดตัดสิน ขณะนี้ ที่ทางบริษัทกะตะบีช ได้หยุดการก่อสร้างเป็นการชั่วคราว จากข้อร้องเรียน จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดว่าเป็นคุณหรือเป็นโทษกับเขา

ส่วนอีกประเด็นที่ ได้มีการสอบถาม คือเกี่ยวกับเรื่องคลองบางรัก ณ ตอนนี้ตามโฉนดเดิมมีการแก้ไขโฉนดเมื่อปี 2545 เดิมทีเป็นโฉนดแปลงยาว  ทั้งหมดเป็น นส.3 ก มีหลายแปลงติดต่อกัน  มีส่วนประเด็นที่สำคัญคือ 1.คลองบางรัก ที่เป็นคลองสาธารณะ 2.ถนนสาธารณะ ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีการก่อสร้างทับทางสาธารณะและทับคลองบางรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และการออกโฉนดรวมเป็นการออกทับคลองบางรัก เพราะฉะนั้นแล้ว ที่ดินจังหวัดภูเก็ต กำลังทำเรื่องขอแก้ไขให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม 

ซึ่งหมายความว่า ตอนนี้เขาขอโฉนดคืน  โฉนดจะมีอยู่ 2 ฉบับด้วยกัน ต้นฉบับกับคู่ฉบับเขาก็จะขอจากคนที่เป็นเจ้าของ ขอไปแก้ไขโฉนด ก็มีระยะเวลากำหนดประมาณ 60 วันด้วยกัน เมื่อแก้ไขโฉนดเสร็จก็ต้องแจ้งไปยังคนที่ครอบครองโฉนดให้แก้ไขปรับปรุงให้คลองบางรักกลับคืนสู่ภูเก็ตเหมือนเดิม รวมทั้งที่ดินสาธารณะด้วย เพราะที่ดินสาธารณะจะใช้เฉพาะนิติบุคคลใดนิติบุคคลหนึ่งคงไม่ได้ จะต้องใช้โดยทั่วไป

แต่ในกรณีดังกล่าวก็จะมีผู้กระทำความผิดเช่นเดียวกัน ในปี 2545 ก็จะมีคนที่ออกโฉนดทับคลองบางรักประมาณสองสามคนที่เกี่ยวข้อง ก็จะมีความผิดตามกฎหมายแต่ต้องดูว่าเอกชนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ก็ต้องไปตรวจสอบว่าเป็นผู้กระทำความผิดร่วมหรือไม่ เพราะฉะนั้นแนวโน้มมีโอกาสสูงที่ทั้งเอกชนและราชการจะต้องมีความผิด แล้วก็ส่วนทรัพย์สินที่เหลือก็จะต้องคืนคลองบางรักให้ภูเก็ต เวลาฝนตกน้ำท่วมก็จะได้มีที่พร่องน้ำออกสู่ทะเลได้