ภูเก็ตไม่ประมาทสั่งเอ็กซเรย์พื้นที่เข้มป้องกันเหตุระเบิด/ปชช.ตื่นตัวรับมือมากขึ้น

ภูเก็ตไม่ประมาทเพิ่มความเข้มเอ็กซเรย์พื้นที่ ระบุในพื้นที่ยังไม่พบระเบิด/ระเบิดเพลิงเพิ่มแต่อย่างใด ขณะที่ประชาชนในพื้นที่มีความตื่นตัวในการเฝ้าระวังแล้ว

พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรภูเก็ต กล่าวถึง กรณีเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ระหว่างวันที่ 10 -12 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีเหตุระเบิดขึ้นจำนวน 2 จุด เหตุเกิดวันที่ 12 ส.ค. และพบระเบิดเพลิงก่อนที่จะทำงานจำนวน 2 จุด เมื่อวันที่ 10 ส.ค.นอกจากนั้นยังพบระเบิดเพลิงที่ไม่ทำงานจำนวน 1 จุด เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่าน โดยเหตุเกิดในพื้นที่ป่าตองทั้งหมด ว่า ขณะนี้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตยังไม่พบระเบิดเพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือกับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ช่วยกันตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่พบว่ามีการพบระเบิดเพลิง หรือระเบิดสังหารเพิ่มเติมในพื้นที่

ส่วนกรณีที่มีการอ้างแหล่งข่าวความมั่นคงจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่ากลุ่มคนร้ายมีเป้าหมายวางระเบิดเพลิงจำนวน 30 จุด ถล่มภูเก็ตซึ่งเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์หน้า 1 ฉบับหนึ่ง ว่า หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวได้มีการตรวจสอบเอ็กซเรย์พื้นที่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบระเบิด หรือระเบิดเพลิงในพื้นที่เพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามทางตำรวจก็ไม่ประมาทได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวัง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเพื่อขอความร่วมมือในการเอกซ์เรย์พื้นที่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมามีการตรวจสอบตลอดแต่ในส่วนของภูเก็ตต้องยอมรับว่าเป็นเมืองที่มีความอ่อนไหวการดำเนินการจะต้องไม่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาทางตำรวจได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดีในการแจ้งข้อมูลและเบาะแสต่างๆเข้ามายังเจ้าหน้าที่ และเป็นเรื่องที่ดีที่ขณะนี้ประชาชนให้ความสนใจและรู้จักสังเกตสิ่งของต้องสงสัยมากขึ้น หากพบว่ามีวัตถุ หรือรถ รวมทั้งสิ่งของอื่นๆที่วาง หรือจอดผิดสังเกตก็แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาทันที โดยหลังเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ทางตำรวจได้รับแจ้งให้ตรวจสอบทุกวัน แต่ผลการตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนมีความตื่นตัวเพราะเกราะป้องกันภัยที่ดีที่สุดคือทุกคนร่วมกันเป็นหูเป็นตาในการดูแลพื้นที่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด