ภูเก็ตเดินหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริง เทศบาล – ที่ดิน ยืนยันดำเนินการตามกฎหมาย รอศาลปกครองชี้ชัด

โพสเมื่อ : Tuesday, August 20th, 2019 : 6.37 pm

ภูเก็ตเดินหน้าเชิญผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบรายละเอียดของโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์  ทั้งเรื่องที่มาของเอกสารสิทธิ การขออนุญาตก่อสร้าง สุดท้ายต้องรอศาลปกครองสูงสุดชี้ขาด ขณะที่เทศบาล – ยืนยันทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่ดินอยู่นอกเขตป่า

 

ความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์  วันนี้ (20 ส.ค.) คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงได้มีการประชุมครั้งแรก โดยมีนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม โดยมีนายอำนวย พิณสุวรรณ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โยธาธิการและผังเมือง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของโครงการทั้งหมด ซึ่งมีนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน เข้าให้ข้อมูลการออกใบอนุญาตก่อสร้าง เข้าร่วมด้วย ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

นายสุพจน์ เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นไปตามความต้องการของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่ต้องการให้ทางจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบข้อสงสัยในโครงการเดอะ พีค เรสซิเดนซ์ ซึ่งทางคณะทำงานได้มีการตรวจสอบรายละเอียดของโครงการ เดอะ พีค เรสซิเดนซ์ 3 เรื่องหลักๆ ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ คือ 1.การได้มีถึงที่ดินแปลงดังกล่าว (น.ส.3 ก. เลขที่ 1863 เนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 4 ตรว.) การจัดทำรายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และ การออกใบอนุญาตก่อสร้างของเทศบาลตำบลกะรน ว่าทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า ในส่วนของเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก.1863 นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากเป็นที่ดินที่ถูกเพิกถอนโดยคำสั่งของศาลปกครองนครศรีธรรมราช และทางกรมที่ดินและเจ้าของที่ดินได้มีการอุทรณ์ จึงต้องรอคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ส่วนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น ดำเนินการตามที่กำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของความลาดชัน ทางกรมพัฒนาที่ดินระบุชัดเจนว่าความลาดชันไม่เกิน 35% และที่ดินไม่ได้อยู่ในเขตป่าไม้ รวมไปถึงในเรื่องที่มีการระบุว่าประชาชนในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้รับรู้เรื่องการจัดทำ EIA นั้น ในกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ ระบุว่าจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบในระยะทาง 50-100 เมตร ในสัดส่วน 10% ซึ่งได้ผ่านกระบวนการทั้งหมดแล้ว

“ในเบื้องต้นนั้นทางจังหวัดพิจารณาจากเอกสารหลักฐานที่เคยมีการตรวจสอบมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่เคยมีการตรวจสอบมาหลายครั้งแล้ว ทั้งในส่วนของ กอ.รมน.กองทัพภาคที่ 3 ปปช.รวมถึงองค์กรอิสระต่างๆ” นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า

ส่วนการออกใบอนุญาตก่อสร้างของเทศบาลตำบลกะรน ที่ทาง ส.ส.ระบุว่าไม่สามารถอนุญาตได้ เพราะเอกสารสิทธิเป็น นส.3 ก. การก่อสร้างคอนโดฯเอกสารสิทธิจะต้องเป็นโฉนดที่ดินเท่านั้น ในเรื่องนี้ การอนุญาตก่อสร้างเป็นอาคารอยู่อาศัยรวม สามารถใช้ น.ส.3 ก.ในการยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างได้ แต่หากจะเปลี่ยนเป็นคอนโดมิเนียมจะต้องไปจดทะเบียนเป็นอาคารชุดกับทางสำนักงานที่ดิน ซึ่งเอกสารสิทธิที่ดินที่ใช้จะต้องเป็นโฉนดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบครั้งนี้มีการขยายผลในส่วนของ EIA ที่ทางผู้ประกอบการและชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างที่มีดินและน้ำสีแดงจากการเปิดหน้าดินไหลลงมาจากโครงการในช่วงเวลาที่มีฝนตกลงมา ซึ่งทางโรงแรมกะตะธานีได้ร้องเรียนไปยังเทศบาลตำบลกะรน และทางเทศบาลตำบลกะรนได้มีคำสั่งให้ทางโครงการระงับการก่อสร้างชั่วคราวจนกว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เป็นไปตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งการทำงานของเครื่องจักรในโครงการที่เห็นนั้น เป็นการดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม

รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า เมื่อโครงการแก้ปัญหาเรื่องดินสไลด์และน้ำสีแดงไหลลงมาให้เป็นไปตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ไม่กระทบผู้ที่อยู่ด้านล่างโครงการ และให้ทางเทศบาลมาตรวจสอบและเห็นว่าทางโครงการได้ดำเนินการทุกอย่างแล้ว หลังจากนั้นทางเทศบาลตำบลกะรนก็จะต้องอนุญาตให้ทางโครงการดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้

ส่วนกรณีที่มีการกังวลกันว่าทางโครงการได้ประกาศขายห้องพักให้กับลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติไปเกือบหมดแล้วนั้น หากไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อนั้น นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ทางคณะทำงานฯจะมีการตรวจสอบขยายผลในเรื่องนี้ต่อไป

นายสุพจน์ กล่าวในตอนท้ายว่า จากการตรวจสอบเรื่องน้ำท่วมในพื้นที่กะตะน้อย ที่ทางโรงแรมกะตะธานีได้ร้องเรียนเข้ามานั้น มีประเด็นใหม่เกิดขึ้นว่าก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ว่ามีการถมลำรางสาธารณะคลองบางรัก ทางคณะทำงานฯมีมติจะลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆนี้ เพราะทางที่ดินจังหวัดภูเก็ตมีคำสั่งให้ทางเจ้าของเอกสารสิทธิที่ดินชี้แจงภายในวันที่ 25 ส.ค.นี้

ขณะที่นายอำนวย พิณสุวรรณ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ระบุชัดเจนว่า เอกสารสิทธิที่ดิน นส.3 ก.เลขที่ 1863 ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ เดอะ พีคฯนั้น ศาลปกครองนครศรีธรรมราชได้สั่งเพิกถอน ซึ่งทางที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้ยืนอุทรณ์ให้ศาลปกครองสูงสูดพิจารณาใหม่อีกครั้ง เพื่อให้คดีถึงที่สุด เช่นเดียวกับเจ้าของที่ดินเดิมที่เป็นคนออก นส.3 ก.ได้อุธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุดด้วยเช่นกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วทุกหน่วยงานจะต้องรอคำสั่งพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ก่อนที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป คือ หากศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลชั้นต้น ทางกรมที่ดินก็จะดำเนินการเพิกถอนที่ดินแปลงดังกล่าว แต่หากศาลปกครองเปลี่ยนคำพิพากษา ทางที่ดินก็จะดำเนินการออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ต่อไป

เนื่องจากทางเจ้าของที่ดินได้ยื่นเรื่องขอออกโฉนดไปก่อนหน้าที่ศาลปกครองจะมีคำสั่งให้เพิกถอน ซึ่งทางที่ดินได้มีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการออกโฉนด เพื่อรับทราบถึงสถานะของที่ดินในแปลงนั้นก่อนออกโฉนด โดยในส่วนของความลาดชันนั้น จากการสอบถามไปยังกรมพัฒนาที่ดินระบุชัดว่าความลาดชันไม่เกิน 35% และทางป่าไม้จังหวัดภูเก็ตก็ระบุว่าไม่ได้อยู่ในเขตป่าไม้ แต่ภายหลังจากที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งเพิกถอน ทางที่ดินจึงได้หยุดดำเนินการทั้งหมดเพื่อรอคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด

ที่ดินจังหวัดระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า น.ส.3 ก.ของที่ดินแปลงโครงการ เดอะ พีคฯ นั้น ที่ศาลเพิกถอนเนื่องจากคำขอไม่ถูกไม่ต้อง เป็นความขัดแย้งของผู้ครอบครองที่ดินด้วยกัน ไม่ได้เพิกถอนเพราะที่ดินอยู่ในเขตป่าหรือความลาดชันเกิน เพราะก่อนที่จะออกเอกสารสิทธิทางที่ดินจะต้องมีการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการออกเอกสารสิทธิที่ดินแปลง น.ส.3 ก.เลขที่ 1863 นั้น เป็นการออกตามมาตรตรา 59 ทวิ ออกโดยไม่มีหลักฐาน (ออกเฉพาะราย) เนื่องจากได้ครอบครองที่ดินมาก่อนวันที่ 1 ธ.ค.2497 และได้ยื่นเรื่องขอออก นส.3 ก.ไว้ก่อนปี 2537

ด้านนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน ยืนยันว่าเทศบาลฯออกใบอนุญาตก่อสร้างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ โดยพิจารณาหลักฐานตามที่ยื่นขอมา ทั้งในส่วนของเอกสารสิทธิที่ดิน นส.3 ก.ที่ทางที่ดินยืนยันว่าเจ้าของที่ดินยังมีสิทธิในที่ดินแม้ศาลปกครองจะสั่งเพิกถอนแต่ขณะนี้อยู่ในขบวนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด รวมถึงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมก็ผ่านการพิจารณาของผู้ที่รับผิดชอบแล้ว ทางเทศบาลจึงออกใบอนุญาตก่อสร้างดังกล่าวให้ และต่อใบอนุญาตให้ตลอดตามที่ยื่นขอต่อเพราะมีเอกสารหลักฐานการยื่นที่ถูกต้องทุกอย่าง รวมไปถึงในเรื่องของ นส.3 ก.ก็สามารถใช้ในการยื่นขออนุญาตก่อสร้างได้เพราะยื่นของก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยรวมไม่ได้ยื่นขอก่อสร้างคอนมิเนียมแต่อย่างใด