พิสูจน์อัตลักษณ์ครบ 41 ศพ แล้ว เตรียมเก็บข้อมูล DNA เข้าฐานข้อมูล

นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจระบุการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้ที่เสียชีวิตเสร็จทั้งหมดแล้ว 41 ศพ และจะนำชิ้นเนื้อบางส่วนของผู้เสียชีวิตไปตรวจเก็บดีเอ็นเอเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลในการเปรียบเทียบ โดยจะนำขึ้น กทม.ในวันนี้

วันนี้ (8ก.ค.) ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พล.ต.ท. วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้สัมภาษณ์กรณีการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้ที่เสียชีวิตเสร็จแล้ว ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ทำการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลครบแล้ว 41 ศพ ซึ่งการเก็บหลักฐานมีอยู่ 4 สเตชัน สเตชันแรก โดยพิสูจน์หลักฐานของศพทั่วไปเช่นกระเป๋าสตางค์ เสื้อผ้า และมีการถ่ายภาพศพว่าอะไรติดตัวมาบ้าง เช่น นาฬิกา แหวน อยู่ตรงไหนอย่างไร ส่วนสเตชันสอง เป็นของนิติเวชจะเป็นการชันสูตรพลิกศพจะดูแต่ลักษณะภายนอก ไม่ได้ผ่าพิสูจน์แต่อย่างใด โดยดูว่า มีรูปพรรณสันฐาน มีตำหนิตรงไหนบ้าง แล้วได้เก็บไว้เป็นหลักกฐาน และเก็บดีเอ็นเอจากผู้เสียชีวิตโดยการผ่าตรงซี่โครงเป็นกระดูกอ่อนผสมกับเนื้อ โดยวันนี้จะนำกลับไปยังกรุงเทพมหานครไปตรวจเก็บดีเอ็นเอเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลในการเปรียบเทียบของเยลโลฟอร์ม (ศพก่อนที่จะเสียชีวิต) ว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง ส่วนพิ้งฟอร์ม (ตอนที่เป็นศพแล้ว) ว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง เพื่อเก็บข้อมูลเป็นฐานดีเอ็นเอเอาไว้ใช้ในการเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากญาติและง่ายต่อการพิสูจน์ตัวตนอย่างชัดเจน 

ในส่วนสเตชันที่ 3 เรื่องทันตกรรมจะมีการถ่ายเอ็กซ์เรย์ฟันของผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบ เนื่องจากแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน โดยจะเอาข้อมูลจากประเทศจีนมาเปรียบเทียบ และสเตชันสุดท้ายจะเป็นการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้เสียชีวิต โดยข้อมูลจากทั้ง 4 สเตชั่น จะเก็บไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นก็จะมีการตั้งคณะกรรมการ DVI ขึ้นมาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวพิจารณาปล่อยศพให้ญาติต่อไป แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ระบุบุคคลใดว่าอยู่ในคณะกรรมการชุดดังกล่าวบ้าง