ผู้ว่าฯ ภูเก็ต -รอง ยันไม่รู้เห็นคลิปเสียงเรียกรับเงิน โร่แจ้งความคนเรียกแอบอ้าง แล้ว

โพสเมื่อ : Tuesday, August 20th, 2019 : 4.33 pm

ผู้ว่าฯภูเก็ต  – รอง ยืนยัน ไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยว คลิปเสียง เรียกรับเงิน 7 หลัก 2 เลข อ้างผู้ว่าฯ – รอง รับรู้ กรณีชายปริศนาโทรศัพท์หาลูกน้องผู้บริหารโครงการแห่งหนึ่งที่ถูกจับกุมดำเนินคดีรุกที่อุทยานฯ

จากกรณีมีการ แฉคลิปเสียงอ้างชื่อ ‘อัยการ’ จังหวัด เรียกเงินนักธุรกิจต่างประเทศ วิ่งเต้นไม่สั่งฟ้องคดีบุกรุกที่สาธารณะในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยชายปริศนาได้โทรศัพท์ไปหาลูกน้องของผู้บริหารเพื่อขอคำตอบเรื่องเงินที่จะต้องจ่าย โดยมีการขอเรียกเงินจำนวน 7 หลัง แต่ต้อง 2 ตัวเลข พร้อมระบุคนเซ็น เรื่องนี้คือรองผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบแล้ว

โดยบางส่วนของคลิปเสียงพบว่า บทสนทนาดังกล่าว เป็นเสียงของผู้ชาย และผู้หญิงรายนี้ ได้โทรศัพท์มาสอบถามฝ่ายผู้หญิง เกี่ยวกับข้อสรุปตัวเลขวงเงินในการวิ่งเต้นคดี ว่า “ได้ข้อสรุปหรือยัง เพราะทุกฝ่ายกำลังรอคำตอบอยู่” ขณะที่ฝ่ายหญิง ได้แจ้งตอบกลับว่า แจ้งยอดให้เจ้านายรับทราบแล้วว่าอยู่ที่ตัวเลข 7 หลัก แต่เจ้านายก็มีคำถามว่า ทำไมต้องจ่ายเงินให้ และ ยอดนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน ถึงผู้ว่าหรือไม่ รวมทั้งถามว่าใครเป็นคนเซ็นขณะที่ฝ่ายชายระบุว่า เป็นรองผู้ว่า ซึ่งทั้ง 2 ทราบเรื่องและรู้กันแล้ว ซึ่งตอนนี้ได้มีการร่างเอกสารไว้ 2 แบบ พร้อมให้ข้อมูลโดยอ้างชื่ออัยการรายหนึ่ง ว่าไม่ได้มีอำนาจธรรมดา แต่เป็นอำนาจพิเศษตามกฎหมายใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมระบุว่า ถ้าคดีนี้มีปัญหาอาจจะมีผลทำให้ผู้ถูกกล่าวหาโดนขึ้นบัญชีดำ การเดินทางเข้าออกในประเทศจะทำได้ยากมาก  นอกจากนั้นฝ่ายหญิง ยังได้นัดวันเวลาเพื่อที่จะพาเจ้านายไปพบกับอัยการที่ถูกอ้างชื่อด้วย

ซึ่งหลังจากมีการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวออกไป นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถูกกล่าวอ้างในคลิปเสียง กล่าวว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวกรณีคลิปเสียงของเอกชนคุยกับหน่วยงานบางหน่วยงานโดยอ้างอิงว่าจะนำทรัพย์สินดังกล่าวมาให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการการจังหวัดโดยมีการเอ่ยชื่อ ซึ่งเรื่องนี้ตนทราบจากทางเจ้าของคลิปเสียง ที่นำมาเปิดให้ตนฟังถึงบทสนทนาที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากทราบเรื่องก็ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคายไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้วเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่าน กับทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และได้รายงานเรื่องนี้ให้กับทางผู้บังคับบัญชารับทราบแล้ว

ตนขอเรียนยืนยันว่าทางตน และรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคลิปเสียดังกล่าวเรื่องดังกล่าว เรื่องที่เกิดขึ้นตนและรองผู้ว่าถูกแอบอ้าง การกระทำดังกล่าวเป็นเพียงของคนหน่วยงานบางหน่วยงานที่เรียกรับผลประโยชน์ ที่แอบอ้างชื่อและตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัดในการเรียกรับผลประโยชน์ในกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตามหลังจากแจ้งความแล้วในส่วนของก็คงต้องรอผลการสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร และรอว่าจะมีการเรียกตนไปให้ข้อมูลหรือไม่

ซึ่งตนยืนยันได้ว่า กรณีที่เกิดขึ้นจังหวัดยังไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนและเรื่องก็ยังส่งมาไม่ถึงจังหวัดแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเดิมที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2556 เป็นกรณีของการแผ้วถางบุกรุกในเขตอุทยานแห่งชาติ และ นายอำเภอถลาง มีความเห็นสั่งฟ้องดำเนินคดีกับทางผู้บุกรุก แต่เมื่อมาถึงอัยการทางอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง หลังจากนั้นได้มีการตีกลับไปที่ตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 8 มีความเห็นสั่งฟ้อง เรื่องจึงนำเข้าไปสู่อัยการสูงสุด เพื่อวินิจฉัย และทางสำนักงานอัยการสูงสุดวินิจฉัยจากสำนวนแล้วมีความเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของตำรวจภาค 8 ก็ต้องส่งเรื่องกลับมาให้สำนักงานอัยการเพื่อเสนอมายังผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจ แต่เรื่องนี้ยังมาไม่ถึงจังหวัดเลย แต่มีการไปเจรจาในการเจรจาแอบอ้างเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งคนที่เรียกรับผลประโยชน์อ้างว่าได้มีการพูดคุยกับตนแล้ว แต่โดยความเป็นจริงยังไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

และเรื่องนี้ตนก็ได้แจ้งไปกับทางเอกชนแล้วว่า เรื่องนี้ตน และรองผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่เคยรับรู้รับทราบเลย และไม่ว่ากรณีไหนก็ตามหากมีใครมีข้อมูลว่ามีคนแอบอ้างชื่อตนไปเรียกรับผลประโยชน์ที่ไหนให้แจ้งมาได้เลยเพราะตนไม่เคยไปเรียกรับจากใคร ทุกคดีที่เกิดขึ้นตนพร้อมที่จะดำเนินการแบบตรงไปตรงมา

ขณะที่นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกแอบอ้างชื่อ ซึ่งตนกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้แจ้งความไว้แล้ว ยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด