ผู้จัดการมรดกที่ดิน ส.ป.ก.หาดนุ้ย ยื่นหนังสือผบช.ภ.8 ขอโอนคดี ให้ ภ.8 พร้อม ตั้งกรรมการสอบ – ย้าย ผกก.สภ.กะรน  

โพสเมื่อ : Monday, May 27th, 2024 : 3.16 pm

 

ผู้จัดการมรดกที่ดิน ส.ป.ก.เนื้อที่ 68 ไร่ หาดนุ้ย จ.ภูเก็ต  รุกยื่นหนังสือ ผบช.ภ.8  ขอความเป็นธรรมการ ให้โอนสำนวนคดี ให้ ตร.ภ.8 ดำเนินการ เชื่อ มีการเอื้อประโยชน์ พร้อมขอให้ตั้งกรรมการสอบ – ย้าย ผกก.สภ.กะรน  ออกจากพื้นที่

วันนี้ ( 27 พ.ค.) นายชโลธร โชติพนัง หรือบอย ผู้จัดการมรดก ที่ดิน ส.ป.ก. เนื้อที่ 68 ไร่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต(ตามคำสั่งศาล)  ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับ หาดนุ้ย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต และ เป็นคู่กรณีกับผู้อ้างสิทธิครอบครองพื้นที่หาดนุ้ยพื้นที่ 18 ไร่  ที่มีการก่อเกิดเหตุทะเลาะวิวาท กัน เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา จ. จนกลายเป็นข่าวดัง  พร้อมด้วย นางสาวลดาวัลย์ มังสุรีย์  และ ทีมงาน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผ่านทาง ฝ่ายอำนวยการ1 กองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อขอโอนสำนวนคดีอาญาที่ 198/2567 ลงวันที่24 พ.ค. 2567 ของ สภ.กะรน และ สำนวนคดีที่เกี่ยวข้องให้เป็นอำนาจสืบสวนสอบสวนของกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 8 เนื่องจากเชื่อว่าการสืบสวนไม่เป็นไปตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญา และ ไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อันเนื่องมาจากมีอิทธิพลนอกเหนือกฎหมาย

 

นางสาวลดาวัลย์ มังสุรีย์  กล่าวภายหลังยื่นหนังสือ ว่า การเดินทางมายืนหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในครั้งก็เนื่องจากมองว่า พวกตนอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของการดำเนินคดี เนื่องจากวันที่เกิดเหตุทางผู้ร้องและพวกเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดิน สปก.ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินแปลง 18 ไร่ ที่หาดนุ้ย ที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกผู้บุกรุก 4 ปี และ ขับไล่ออกจากที่ดิน  แต่พบเห็นว่ามีคนของผู้บุกรุก กำลังลงรั้วลวดหนามบุกรุกเข้ามาในที่ดิน สปก.ที่ทางผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก  จึงมีปากเสียงกัน จนเป็นเหตุให้มีการชกต่อย

และหลังเกิดเหตุ ทาง ผกก.สภ.กะรน  ให้ร้อยเวร ออกหมายจับผู้ร้องในข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งจึงได้เข้ามอบตัว และลงบันทึกประจำวันว่าการขอหมายจับเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ เป็นเหตุให้มีการระงับหมายจับ ซึ่งในส่วนของผู้ร้องก็ได้สารภาพ ว่ามีการชกต่อยกับคู่กรณี เพราะเข้ามาบุกรุกที่ดิน สปก.ของผู้ร้องและยังยั่วยุชวนทะเลาะ แต่มาผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้มาสอบสวนด้วยตัวเองและมีการแถลงกับสื่อ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมีเหตุทะเลาะวิวาทเนื่องจากมีปัญหาเรื่องแนวเหตุที่ดิน หลังจากนั้นทาง ผกก.สภ.กะรน ได้ให้พนักงานสอบสวนโทรศัพท์ มาหาผู้ร้องเพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเป็นข้อหาพยายามฆ่า  ซึ่งผู้ร้องมอบว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะกระทำหน้าที่โดยมิชอบ และ อาจจะไม่เกิดความเป็นธรรมกับผู้ร้อง จึงยื่นข้อเรียกร้องดังนี้  เพื่อความเป็นธรรม

 

1) ขอโอนสำนวนคดีอาญาที่198/2567 ของ สภ.กะรน และสำนวนคดี ที่เกี่ยวเนื่องกับการบุกรุกชายหาดสาธารณประโยชน์ (หาดนุ้ย) ทั้งที่ กรมป่าไม้ เป็นผู้เสียหาย และ ในส่วนที่ ส.ป.ก. เป็น ผู้เสียหาย เนื่องจากสำนวนคดีดังกล่าว มีความล่าช้า น่าเชื่อว่ามีการช่วยเหลือในเรื่องระยะเวลา เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้บุกรุกชายหาดสาธารณประโยชน์ จึงขอให้โอนสำนวนคดีดังกล่าวนี้ทั้งหมดของ สภ.กะรน ให้เป็นอำนาจสืบสวนสอบสวนของกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 8 เนื่องจากเชื่อว่าการสืบสวนไม่เป็นไปตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญา และไม่เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อันเนื่องมาจากมีอิทธิพลนอกเหนือกฎหมาย

2) ให้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบวินัย ผกก. สภ.กะรน จากกรณีการขอออกหมายจับ คดีทำร้ายร่างกายใน คดีอาญาที่198/2567 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ของ สภ.กะรน จนผู้ร้องต้องใช้สิทธิ์ ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน เพื่อยืนยันว่า การขอออกหมายจับ เป็นการออกหมายจับโดยขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา66 กล่าวคือ (1) คดีทำร้ายร่างกายมีโทษทางอาญาไม่เกินสามปี (2) เหตุหลบหนีและเหตุเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน แม้ต่อมาจะมีการระงับการขอออกหมายจับ ก็ย่อมถือว่าความผิดได้สำเร็จแล้ว

 

3) ให้ตั้งกรรมการสอบวินัย ผกก. สภ.กะรน ที่หย่อนยานในการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการตั้งคิวรถเถื่อน ตลอดทั้งให้รถ ATV ที่ไม่มีป้ายทะเบียน และ ไม่ได้ขออนุญาต วิ่งในทางสาธารณะตลอดจน รับขนส่งนักท่องเที่ยวและบุคคลโดยทั่วไป เข้า ออก หาดนุ้ย

4) ให้ตั้งกรรมการสอบวินัย ผกก. สภ.กะรน ในกรณีที่ดำเนินการสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการบุกรุกหาดสาธารณะ (หาดนุ้ย) ล่าช้า ซึ่งความล่าช้าเป็นการเอื้อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง กับผู้บุกรุกหาดสาธารณะ (หาดนุ้ย) หรือไม่อย่างไร

 

5) ระหว่างการตั้งกรรมการสอบวินัย ผกก. สภ.กะรน ให้ย้าย ผกก. สภ.กะรน คนปัจจุบันไปประจำที่ศูนย์ ศปก ภูธรภาค 8 เป็นการชั่วคราว เพื่อให้เกิดความยุติธรรม

6) ให้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวน เจ้าของสำนวนคดี ที่ศาลมีคำพิพากษา จำคุกผู้บุกรุกที่ดินหาดนุ้ย เป็นระยะเวลา4 ปี และ ให้ขับไล่ ออกจากหาดสาธารณะประโยชน์ (หาดนุ้ย) ดำเนินการขอออกหมายจับต่อศาลจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ออกจากที่ดินชายหาดสาธารณะประโยชน์ (หาดนุ้ย) ทั้งนี้เพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ตลอดจนให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่สร้างในพื้นที่สาธารณะหาดนุ้ยออกทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตามสำหรับการเดินทางมายื่นข้อเรียกร้องในครั้งนี้ ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาว่าจะต้องดำเนินการเมื่อไหร่อย่างไร แต่เป็นการเดินทางมายื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมกับกรณีที่เกิดขึ้น