ผวจ.ภูเก็ตยันปลาสากกัดเท้านทท.ขณะเล่นเซิร์ฟ พร้อมเผยชายหาดภุเก็ตยังเล่นน้ำได้

โพสเมื่อ : Thursday, August 17th, 2017 : 3.14 pm

พ่อเมืองภูเก็ตยืนยันปลาที่กัดส้นเท้านักท่องเที่ยว ไม่ใช่ฉลามแน่นอน แต่เชื่อเป็นปลาสากที่สามารถพบได้ตามปกติ พร้อมเผยชายหาดภูเก็ตยังเล่นน้ำได้ ขณะที่นักท่องเที่ยวพักรักษาตัวอยู่โรงแรมย่านหาดกะรน พบบาดแผลฉกรรจ์ถูกเย็บถึง 50 เข็ม แพทย์นัดอาการอีกครั้ง

จากกรณี เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 16ส.ค.60 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ อบต. กมลา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีนักท่องเที่ยวถูกปลาไม่ทราบชนิดกัด ขนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณส้นเท้าถูกเย็บ 50 เข็ม หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ภูเก็ต นำโดย ร.ต.อ.เจษฎา วิเชียร รอง สว.ส.ทท.ภูเก็ต จึงเดินทางไปตรวจสอบยังโรงแรมที่พัก ต. กะรน ภูเก็ต

 

ทราบว่านักท่องเที่ยวที่ถูกปลากัด คือ นาย Keira Kosigoe อายุ 36 ปี สัญชาติญี่ปุ่น นอนพักรักษาตัวอยู่ภายในห้องพัก จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ฯได้มีการสอบถาม น.ส.นัฏฐิกา บุญมี อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดสงขลา เพื่อสาวของนักท่องเที่ยวรายดังกล่าว ทราบก่อนเกิดเหตุ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นไปเล่น กระดานโต้คลื่น ที่บริเวณหาดกมลา ซึ่งห่างจากฝั่งประมาณ 15 เมตร

 

ขณะที่กำลังเล่นกระดานโต้คลื่นอยู่นั่นได้หย่อนขาซ้ายลงในน้ำ ปรากฏว่า ได้มีปลาไม่ทราบชนิดและขนาดได้กัดบริเวณส้นเท้าของผู้บาดเจ็บ ทำให้ตกใจและได้กระชากเท้าขึ้นมาจากน้ำ รีบกลับฝั่งทันที พบว่า ได้รับบาดเจ็บบริเวณส้นเท้าด้านซ้าย จึงขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ไลท์การ์ด ให้เรียกหน่วยกู้ชีพทำแผลเบื้องต้น ก่อนได้เดินทางมา รพ.กรุงเทพ ด้วยตนเอง แพทย์ได้ทำการรักษาเย็บบาดแผลให้ จำนวน 50 เข็ม และอนุญาตให้กลับที่พักได้ และแพทย์ได้นัดพบดูอาการอีกครั้งในวันที่ 18 ส.ค.60 นี้

ขณะที่วันนี้ (17 ส.ค.) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ตนได้รับรายงานกรณีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นถูกปลากัดแล้ว และ ทราบว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวพักรักษาตัวอยู่ที่โรงแรมในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จากการสอบถามนักวิชาการด้านประมง ซึ่งมีการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า รอยบาดแผลที่ส้นเท้าของนักท่องเที่ยวนั้น เป็นรอยกัดของปลาบาราคูด้า หรือ ปลาน้ำดอกไม้  หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ปลาสาก” ไม่ใช่ปลาฉลามหูดำ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

 

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลไปยัง นายทัศพล กระจ่างดารา นักวิชาการชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลฝั่งอันดามัน ได้สันนิษฐานว่า ปลาที่กัดนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เป็นปลาบาราคูด้า หรือปลาน้ำดอกไม้ หรือภาษาถิ่นเรียกว่า ปลาสาก ซึ่งเป็นปลาที่มีรูปร่าง ลำตัวยาวๆ ส่วนใหญ่จะนำมาทำเป็นลูกชิ้น โดยปลาชนิดนี้จะมีฟันที่แหลมคมมาก ปกติจะกินลูกปลาขนาดเล็กที่อยู่บนผิวน้ำเป็นอาหาร

 

โดยในทางด้านวิชาการคาด ว่า ขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเล่นกระดานโต้คลื่น ทำให้เกิดคลื่นเป็นฟองน้ำ ซึ่งทำให้ปลามีความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปลาตัวเล็กๆ อยู่บนผิวน้ำ จะกระโจนเข้ากัดที่เท้าของนักท่องเที่ยว ซึ่งฟันของปลาสากมีความแหลมคมมาก ประกอบกับนักท่องเที่ยวกระชากเท้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดเป็นแผลเหวอะหวะ และจากการสอบถามข้อมูลจากคนในท้องถิ่น ยังไม่เคยมีใครพบเห็นปลาชนิดที่มีความดุร้าย เช่น ปลาฉลาม ในทะเลกมลาแต่อย่างใด แต่สำหรับปลาสาก หรือ ปลาน้ำดอกไม้ มีการพบเห็นตามปกติ

 

นายนรภัทร กล่าวต่อไปอีกว่า ตนขอยืนยันว่า ในพื้นที่หาดกมลาไม่มีฉลามอย่างแน่นอน ซึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวยังสามารถลงเล่นน้ำได้ตามปกติ ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำให้หน่วยกู้ชีพกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและลาดตระเวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหน่วยลาดตระเวนชายฝั่ง และ ไลฟ์การ์ดให้นำเรือออกไปดูแลพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้นนอกจากนี้ได้ประสานไปยังผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้แจ้งนักท่องเที่ยวให้เล่นน้ำบริเวณชายฝั่งอย่าออกไปไกลมาก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก