ผนึกกำลังแจ้งความเรือประมงนำฉลามวาฬขึ้นเรือ ศร.ชล.ลาดตระเวนหาตัวหลังปล่อยกลับลงทะเลยังไม่ชี้ชัด มีชีวิต หรือ ตายแล้ว
โพสเมื่อ : Saturday, May 19th, 2018 : 5.40 pm
ศูนย์ PIPO ภูเก็ต แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเหตุสงสัยฝ่าฝืน พ.ร.ก.การประมง พร้อมสั่งกักเรือจนกว่าการสอบสวนจะสิ้นสุด ด้านศรชล สั่งเรือลาดตระเวนตรวจสอบหาฉลามวาฬตัวที่ถูกจับขึ้นเรือยันไม่สามารถระบุได้ว่ายังมีชีวิตหรือไม่ ขณะที่ไต๋เรือ อ้างติดอวนขึ้นเรือโดยไม่รู้ว่าเป็นฉลามวาฬ แต่รีบปล่อยกลับทะเลทันที ขณะที่อธิบดีสั่งแจ้งความเพิ่มไต๋เรือ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตสั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึก
เมื่อเวลา 9.30 น.วันนี้ ( 19 พ.ค.) ที่ศูนย์ PIPOพลเรือเอกพิเชษ ตานะเสรษฐ เสนาธิการทหารเรือ พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีการนำเสนอคลิปวีดีโอในสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย มีการนำฉลามวาฬขึ้นบนเรือประมง โดยเหตุเกิดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวานที่ผ่านมา ( 18 พ.ค.) โดยมี น.อ.ภุชงค์ รอดนิกร หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศรชล.เขต 3 เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ PIPO เจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมชี้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
โดยเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ PIPO ภูเก็ต แจ้งว่า หลังมีการแชร์ภาพและคลิปการนำฉลามวาฬขึ้นมาบนเรือทางศูนย์ได้ตรวจสอบเรือดังกล่าวแล้วพบว่าเป็นเรือประมงอวนลาก ชื่อเรือ แสงสมุทร 3 มีนายสมสมัย มีจอม เป็นผู้ควบคุมเรือ มีลูกเรืออยู่บนเรือจำนวน 13 คน จากการตรวจสอบโดยชุด สหวิชาชีพของศูนย์พบว่าเรือแจ้งออกจากท่าเมื่อวันที่ 11 พ.ค.และ ได้แจ้งเข้าไว้ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ แต่เรือได้ขอแจ้งเข้าในเวลา 22 .00 น. วันที่ 18 พ.ค. เพื่อขึ้นสัตว์น้ำซึ่งผลการตรวจสอบของสหวิชาชีพไม่พบการกระทำผิด
ส่วนกรณีสัตว์น้ำที่ปรากฎในคลิปนั้นเป็นฉลามวาฬที่ติดอวนขึ้นมาจริง แต่ทางไต๋เรือแจ้งว่าได้ปล่อยลงทะเลไปแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ทางชุดสหวิชาชีพพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการกระทำอันเป็นเหตุน่าสงสัยว่าเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 มาตรา 66 ประกอบการเกษตร เรื่องการกำหนดชนิดสัตว์น้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์น้ำหายาก หรือใกล้สูญพันธ์ที่ห้ามจับ หรือนำขึ้นเรือประมง พ.ศ.2559 ข้อ 2 อนุ 4 ปลาฉลามวาฬ
โดยขณะนี้ จ่าเอกสุชาติ เพชรสวน หัวหน้าชุดตรวจสหวิชาชีพ ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 19 พ.ค.61 เวลา 02.00 น. แล้ว ส่วนเรือแสงสมุทร 3 และเรือแสงสมุทร 2 รวมทั้งสัตว์น้ำที่ได้จากการทำประมง ได้สั่งกักเรือไว้แล้วเนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้ได้มีการโอนคดีไปยังสถานีตำรวจภูธรฉลองแล้วเนื่องจากเหตุเกิดในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.ฉลอง
ส่วนกรณีมีการแชร์ว่าฉลามวาฬตัวดังกล่าวมีลูกหลุดออกมาจากช่องคลอด เจ้าหน้าที่จากศูนย์ PIPO ชี้แจงว่า จากการสอบถามไต๋เรือ ระบุว่าก้อนสีขาวๆที่เห็นอยู่บริเวณส่วนท้องของฉลามนั้นเป็นทุ่นผูกอวนไม่ใช่ลูกฉลามแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่บอกว่าพยายามแล่นเรือหนี จากการสอบถามก็ทราบว่าไม่มีการแล่นเรือหนีแต่อย่างใด แต่จำเป็นต้องแล่นเรือเพื่อไม่ให้เรือทรงตัวอยู่ได้ในขณะที่เอียงเรือเพื่อปล่อยฉลามกลับลงทะเล แต่ถ้าปล่อยเลยโดยไม่มีการดึงเชือกไว้อาจจะทำให้ฉลามติดอยู่ที่กราบเรือซึ่งจะทำให้เรือเอียงได้
ขณะที่ น.อ.ภุชงค์ รอดนิกร หัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศรชล.เขต 3 กล่าวว่า สำหรับในส่วนของฉลามวาฬตัวดังกล่าว จากการสอบถามไต๋เรือทราบว่ามีการปล่อยลงทะเลและว่ายน้ำหายไปหลังจากที่มีการปล่อย แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตแล้ว เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏตัวปลาให้เห็น ซึ่งได้มีการขอความร่วมมือในส่วนของศร.ชล,เขต 3 ทุกหน่วยงานให้ช่วยกันตรวจสอบ รวมทั้งประสานไปยังเรือท่องเที่ยว เรือประมง รวมทั้งมีการจัดเรือลาดตระเวน เพื่อตรวจสอบหาฉลามวาฬตัวดังกล่าวแล้ว เพราะถ้าฉลามวาฬเสียชีวิตจะต้องมีซากลอยขึ้นมาซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา 6 – 7 วัน
นอ.ภุชงค์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีคดีแบบนี้เกิดขึ้น แต่ก็ได้มีการเฝ้าระวังและติดตามมาตลอด เพราะเกรงว่าจะมีการจับและการขายเกิดขึ้นจึงให้เรือที่ลาดตระเวนตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา สำหรับเรือลำที่เกิดเหตุจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าทำการประมงอยู่ในเขตที่กำหนด ส่วนจะมีเจตนาในการจับฉลามหรือไม่ต้องให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการ ซึ่งทางไต๋เรือเองอ้างว่าฉลามติดอวนมาและได้ปล่อยกลับลงทะเลแล้ว ส่วนกรณีที่มีการผู้เชือกที่หางนั้นจากการสอบถามก็แจ้วว่าผูกเพื่อใช้เครนยกปลาปล่อยลงทะเล เพราะปลาตัวใหญ่ไม่สามารถใช้แรงคนยกได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 14.00น. ของวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยจุดที่ลากอวนขึ้นอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ขณะที่ตัวแทนจากสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูล เรือดังกล่าวออกไปจับปลาตั้งแต่วันที่ 11 – 18 พ.ค. ปลาที่จับได้ส่วนใหญ่เป็นปลาเป็ด โดยจับปลาได้ประมาณ 20,000 กิโลกรัม และ จากการตรวจสอบไม่พบชิ้นส่วนของฉลามวาฬอยู่บนเรือแต่อย่างใด เครื่องมือจับปลาก็ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทางคณะได้เดินทางต่อไปยังท่าเทียบเรือ ซึ่งเป็นจุดที่กัดเรือลำดังกล่าวไว้ ซึ่งได้มีการสอบถามในส่วนของไต๋เรือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนาย สมสมัย มีจอม ไต๋เรือ กล่าวว่า ครั้งแรกไม่ทราบว่ามีฉลามติดมากับอวนที่ลูกเรือดึงขึ้นมา แต่รู้สึกว่าน้ำหนักมากตอนแรกคิดว่าเป็นท่อนไม้ก็ดึงอวนขึ้นมาบนเรือ แต่เมื่อเห็นเป็นปลาฉลามก็รู้สึกตกใจ จึงเร่งให้ลูกเรือเร่งปล่อยกลับลงทะเลโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้เชือกผูกหางก็เพื่อใช้เครนช่วยยก เพราะฉลามตัวใหญ่คนมีน้อยไม่สามารถเอาลงทะเลได้ ซึ่งเรือตนได้ดึงอวนขึ้นมาในช่วงเวลาประมาณ บ่ายสามโมงเกือบบ่าย 4 โมง จำเวลาไม่ได้แน่นอน แต่ก็เร่งปล่อยกลับโดยเร็วที่สุด และยืนยันว่าฉลามไม่ตายแต่อย่างใด
ด้าน พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า ด้วยได้รับข้อสั่งการจากพล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ซึ่งมีความเป็นห่วงต่อกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงสั่งการให้ ลงพื้นที่มาติดตามข้อเท็จจริง เบื้องต้นจากการพูดคุยกับไต๋เรือ ซึ่งเล่าว่า ปลาตัวดังกล่าวติดอวนขึ้นมา โดยมีขนาดความยาวประมาณ 2 เมตร เมื่อเห็นเป็นฉลามวาฬจึงพยายามนำกลับลงสู่ทะโดยใช้ต้องใช้เครนยกเพราะมีน้ำหนัก โดยใช้เวลากว่า 10 นาที จึงสามารถปล่อยกลับทะเลได้ โดยปลาไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่มีการระบุว่า เห็นมีลูกปลาหลุดจากตัวนั้นในส่วนของทางไต๋กและลูกเรือไม่เห็นแต่อย่างใด
ส่วนการดำเนินการตามกฎหมายนั้นหลังตรวจสอบเรือและสอบปากคำลูกเรือก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดี และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงของพนักงานสอบสวนตามขั้นตอน ทั้งนี้ต้องดูทั้งเรื่องเจตนาและพฤติกรรมอย่างอื่นร่วม รวมถึงประวัติในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องให้เกิดความเป็นธรรม
โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบการพิจารณา หากพบกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการตามข้อกฎหมายที่กำหนด ซึ่งจากที่ตรวจสอบเป็นโทษปรับขั้นต่ำที่ 3 แสนบาทไป ถึง 3 ล้านบาท หรือประมาณ 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำ ในส่วนของเรือประมงในจังหวัดภูเก็ตที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการอบรมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับสัตว์ทะเลต้องห้ามอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็จะได้มีการดำเนินการเพิ่มเติม
นอกจากนั้นเมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ ( 19 พ.ค.61) นายนเรศ ชูผึ้ง ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (สบทช.9) ได้รับข้อสั่งการจากอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และนายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง
เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติม กับนาย สมสมัย มีจอม อายุ 55 ปี ชาว จ.ยโสธร ไต๋ก๋งเรือ แสงสมุทร 3 และนายรัตนา พรหมงาน ผู้ควบคุมเรือ แสงสมุทร 2 ในข้อกล่าวหา ร่วมกันล่าหรือ พยายามล่าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการ โดยเป็นการแจ้งความเพิ่มเติมจากที่ชุดสหวิชาชีพ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออก เรือประมง เขต 3 (ภูเก็ต) หรือ PIPO ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้
ด้านนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวกรณีที่มีเรือประมงประเภทอวนลากชื่อแสงสมุทร 3 นำปลาฉลามวาฬขนาดใหญ่ขึ้นบนเรือ โดยมีผู้พบเห็นขณะลอยลำอยู่บริเวณเกาะราชากับเกาะเฮอำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ตเมื่อบ่ายวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ ควบคุมการแจ้งเข้า – ออก เรือประมง เขต 3 ภูเก็ต (PiPo)ได้แจ้งข้อกล่าวหากับเจ้าของเรือดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของปลาฉลามวาฬตัวดังกล่าว ล่าสุด ประมงจังหวัดภูเก็ต ยืนยันว่า ปลาฉลามวาฬยังมีชีวิตอยู่เพราะยังไม่มีประชาชนหรือนักท่องเที่ยวหรือชาวประมงในละแวกใกล้เคียงพบเห็นซากฉลามที่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
ผวจ.ภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ทางประมงจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเรือนักท่องเที่ยว และเรือประมง ระมัดระวังหากพบเห็นปลาฉลามวาฬขอให้อยู่ห่างๆอย่าเข้าไปสัมผัส เพราะมีประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เป็นข้อบังคับทางกฎหมายกำหนดความผิดชัดเจน การดำเนินคดีกับเจ้าของเรือดังกล่าว มีความผิดทางอาญา โดยขอให้ตรวจสอบเชิงลึกเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
- นายก อบจ.ภูเก็ต ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการก่อสร้างศูนย์ฟอกไตเ...
- อบจ.ภูเก็ต ร่วมเปิดงาน “สงกรานต์โนแอลภูเก็ต 2568 – Songkran No Alcohol Fes...
- นายก อบจ.ภูเก็ต ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (ศ...
- ...
- อบจ.ภูเก็ต จัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร “จริยธรรม สร้างสรรค์ สามัคคี เพิ่มมิตรไ...
- อบจ.ภูเก็ต ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาจราจรบนถนนศักดิเดช...
- April 2025 (12)
- March 2025 (34)
- February 2025 (23)
- January 2025 (23)
- December 2024 (21)
- November 2024 (25)
- October 2024 (24)
- September 2024 (39)
- August 2024 (33)
- July 2024 (36)
- June 2024 (34)
- May 2024 (38)
- April 2024 (38)
- March 2024 (46)
- February 2024 (37)
- January 2024 (37)
- December 2023 (41)
- November 2023 (33)
- October 2023 (30)
- September 2023 (53)
- August 2023 (53)
- July 2023 (41)
- June 2023 (46)
- May 2023 (48)
- April 2023 (50)
- March 2023 (59)
- February 2023 (61)
- January 2023 (59)
- December 2022 (63)
- November 2022 (64)
- October 2022 (69)
- September 2022 (56)
- August 2022 (59)
- July 2022 (41)
- June 2022 (49)
- May 2022 (60)
- April 2022 (50)
- March 2022 (49)
- February 2022 (40)
- January 2022 (39)
- December 2021 (56)
- November 2021 (51)
- October 2021 (44)
- September 2021 (26)
- August 2021 (31)
- July 2021 (20)
- June 2021 (20)
- May 2021 (17)
- April 2021 (4)
- March 2021 (16)
- February 2021 (20)
- January 2021 (5)
- December 2020 (16)
- November 2020 (18)
- October 2020 (20)
- September 2020 (21)
- August 2020 (15)
- July 2020 (23)
- June 2020 (14)
- May 2020 (8)
- April 2020 (64)
- March 2020 (97)
- February 2020 (48)
- January 2020 (74)
- December 2019 (54)
- November 2019 (49)
- October 2019 (41)
- September 2019 (51)
- August 2019 (61)
- July 2019 (70)
- June 2019 (73)
- May 2019 (81)
- April 2019 (72)
- March 2019 (63)
- February 2019 (70)
- January 2019 (77)
- December 2018 (71)
- November 2018 (84)
- October 2018 (82)
- September 2018 (60)
- August 2018 (88)
- July 2018 (136)
- June 2018 (95)
- May 2018 (99)
- April 2018 (89)
- March 2018 (70)
- February 2018 (83)
- January 2018 (79)
- December 2017 (77)
- November 2017 (87)
- October 2017 (90)
- September 2017 (79)
- August 2017 (111)
- July 2017 (106)
- June 2017 (97)
- May 2017 (77)
- April 2017 (64)
- March 2017 (74)
- February 2017 (62)
- January 2017 (104)
- December 2016 (103)
- November 2016 (106)
- October 2016 (103)
- September 2016 (110)
- August 2016 (132)
- July 2016 (153)
- June 2016 (95)
- May 2016 (124)
- April 2016 (57)
- August 2015 (1)
- June 2015 (2)
- May 2015 (9)
- April 2015 (1)
- March 2015 (2)
- February 2015 (1)