ผกก.ถลางยันทำตามขบวนการหลังหนุ่มร้องถูกออกหมายจับผิดตัวคดีเผาโรงพัก 

โพสเมื่อ : Saturday, November 19th, 2016 : 10.42 am

หนุ่มถูกจับคดีเผาโรงพักถลาง เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตเพื่อขอความเป็นธรรมชี้เจ้าหน้าที่ออกหมายจับผิดตัว ยันตนเองไม่ใช่บุคคลในภาพที่เจ้าหน้าที่ออกหมายจับพร้อมนำหลักฐานมายืนยัน ด้านผกก.ถลาง ยืนยัน ตำรวจทำตามกระบวนการของกฎหมาย 1479526560912.jpg

หลังจากกรณีมี นายอุทัย สุขเลี่ยน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 851/2558 ลง พ.ย.2558 คดีเผาสถานีตำรวจภูธรถลาง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา พร้อมครอบครัว เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในการจับกุมดำเนินคดี โดยมี นางทัศนีย์ นพรัตน์ นักวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ในฐานะหัวหน้าศูนย์ฯอยู่เวรประจำวัน เป็นผู้รับเรื่องเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต 

โดยนายอุทัย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์กรณีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันปิดล้อมโรงพัก สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมาสาเหตุเกิดจากความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ที่ไล่จับกุม 2 วัยรุ่น ผู้ต้องสงสัยครอบครองยาเสพติด จนเป็นผลให้ทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ต่อมาเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 เวลาประมาณ 17.45 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรถลาง นำหมายศาลเข้าจับกุมตนเองตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 851/2558 ลง พ.ย. 2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิด ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์อันเป็นสาธารณะของแผ่นดิน เป็นสถานะสถาน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่, ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ 1479526551424.jpeg

อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับแจ้งว่าตนเองถูกออกหมายจับก้ได้ได้เดินทางไปยัง สภ.ถลาง เพื่อให้การกับพนักงานสอบสวน โดยตนได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า วันที่เกิดเหตุไม่ได้ไปร่วมชุมนุมประท้วงแต่อย่างใด ซึ่งนั่งดูข่าวอยู่ที่บ้านกับภรรยา มารดา และเพื่อนอีก 1 คน นอกจากนี้เมื่อขอดูหลักฐานการจับกุมก็มีแค่ภาพถ่ายตามบัตรประชาชนของตนเอง โดยไม่มีรูปถ่ายจากล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ทำให้วันนั้นตนเองถูกคุมขังที่ สภ.ถลาง เป็นเวลา 1 คืน ตอนเช้าตนเองได้เห็นหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้จากกล้องวงจรปิด เป็นภาพคล้ายตนเองและมีรอยสัก แต่ไม่ตรงกับตนเองเพราะคนในภาพมีรอยสักไปถึงต้นคอ แต่ตนเองไม่มีและที่แขนซ้ายของคนในภาพมีรอยสักแต่ตนไม่มี หลังจากถูกจับกุมทำให้ตนเองไม่ได้ทำงานและต้องใช้เงินประกันจำนวน 500,000 บาท เพื่อประกันตัวออกมา ซึ่งตนเองก็ไม่มีเงินประกันตนต้องใช้บุคคลค้ำประกันออกมา เพื่อหาหลักทรัพย์ไปค้ำประกันตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง เพื่อใช้ประกันตนในชั้นอัยการต่อไป สำหรับการเดินทางมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนยืนยันได้ว่าในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวและได้แนะนำให้ไปยื่นเรื่องกับทางยุติธรรมจังหวัดให้ช่วยเกลือในเรื่องของเงินประกันตัว  และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ถลาง กล่าว ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในส่วนของตำรวจทำไปตามกระบวนการของขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหาทางพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องไปทางอัยการ โดยทางตำรวจให้มีการประกัน 1 แสนบาท แต่พอส่งเรื่องไปยังอัยการจังหวัดภูเก็ตทางอัยการให้ประกัน 5 แสน เนื่องเป็นไปตามหลักกฎเกณฑ์ของกฎหมาย หลังจากนี้ก็ต้องดูว่าอัยการจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ เพราะหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ อยู่ที่อัยการหมดแล้ว