“ปราบ” นำทีมรุกยื่นหนังสือขอรัฐเยียวยาสถานบันเทิงทุกช่องทาง หลังถูกปิดมายาวนาน

โพสเมื่อ : Wednesday, June 24th, 2020 : 6.32 pm

“ปราบ” นำทีมรุกยื่นหนังสือต่อ กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ ขอรัฐเยียวยาสถานบันเทิงทุกช่องทาง พร้อมขอขยายเวลาปิดออกไปจนถึง 04.00 น หลังได้รับผลกระทบจากโควิดระบาดหลังถูกปิดมายาวนาน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ ( 24 มิ.ย.) ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น นักธุรกิจและผู้บริหารสถานบันเทิงหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยคณะ ได้ยื่นหนังสือต่อ นายพิจารณ์  เชาวพัฒนวงศ์ รองประธานคณะ กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ คนที่สาม เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ เกี่ยวกับมาตรการการเยียวยาผู้ประกอบการสถานบันเทิงใน จ.ภูเก็ต จากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  เนื่องจากสถานบันเทิงได้ถูกปิดลงตามคำสั่งของราชการตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 และปัจจุบันยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการ รวมถึงยังไม่ได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล

โดยข้อเรียกร้องดังกล่าว ประกอบด้วย  1 ขอให้รัฐบาลลดภาษีทุกประเภท ซึ่งรวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิต ให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการใน จ.ภูเก็ต 2.ขอให้รัฐบาลพิจารณาให้เงินกู้ Softloan ดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาสัญญา 5 ถึง 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ตลอดระยะเวลาสัญญา และจัดตั้งกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจแก่ผู้ประกอบการรายย่อย (SME) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจใน จ.ภูเก็ต

3.ขอให้รัฐบาลขยายเวลาปิดสถานบันเทิงเป็น 00 น. เพื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเมืองท่องเที่ยว และแก้ไขผังเมือง ต.ป่าตอง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวให้สามารถสร้างอาคารสูงได้ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบ MICE Tourism City และ Sport Tourism City 4.ขอให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือค่าจ้างแรงงานพนักงานสถานบันเทิงด้วยการลงทะเบียนและเยียวยาเป็นเงิน 10,000 บาทต่อเดือน แก่ศิลปิน นักดนตรี นักแสดงในสถานบันเทิง จนกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม

5.ขอให้รัฐบาลติดตั้งเครื่องตรวจเชื้อไวรัสโควิด19 ณ ทางเข้าออกถนนบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต 6. ขอให้รัฐบาลมีมาตรการในการกระตุ้นการท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ตให้กลับมาเฟื่องฟูดังเดิม

อย่างไรก็ตาม นายวิจารณ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า ผู้ประกอบการใน จ.ภูเก็ตได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก และรายได้ส่วนใหญ่ในจ.ภูเก็ตมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคณะ กมธ.มีความห่วงใยภาคธุรกิจในจ.ภูเก็ต จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเป็นการเร่งด่วนต่อไป