ศาลตัดสินประหารชีวิต  “บังรี” มือฆ่าแหม่ม รับสารภาพลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต

โพสเมื่อ : Tuesday, March 15th, 2022 : 7.25 pm

ประหารชีวิต “บังรี” นายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ มือสังหารแหม่มชาวสวิตฯ ดับคา “น้ำตกอ่าวยน” จำเลยรับสารภาพตลอดข้อกล่าว จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต  ด้านญาติผู้เสียพอใจผลการตัดสิน พร้อมขอบคุณประเทศไทยที่ดูแลอย่างดี

วันนี้ ( 15 มี.ค.)  เวลา 14.00 น. ศาลจังหวัดภูเก็ต ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ย 2121/2564 หมายเลขแดงที่ ย 159/2565 พนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต โจทก์ นายธีรวัฒน์ หรือบังฟารี หรือบังรี ท่อทิพย์ จำเลย เรื่อง ความผิดต่อชีวิต ลักทรัพย์ พระราชบัญญัติ
ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เสพ

โดยคดีนี้พนักงานอัยการ โจทก์ ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 เวลากลางวัน จำเลย กระทำอนาจารนางนางนิโคล โซเว่น ไวส์คอพฟ์ (Ms.Nicole Sauvain Weisskopf) ผู้เสียหายซึ่งเป็นบุคคล อายุกว่าสิบห้าปี พยายามข่มขืนกระทำชำเราและ ฆ่านางนิโคล ผู้ตาย แล้วซ่อนเร้นศพของผู้ตายด้วยการนำพลาสติกสีดำมาปิดคลุมศพ และลักเอาเงิน 300 บาท ซึ่งอยู่ในกระเป๋าของผู้ตายไป และข้อหาจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีน และเสพกัญชา

ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ โดยข้อเท็จจริงฟัง ได้ว่าเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ก่อนเกิดเหตุจำเลย ขึ้นไปบริเวณน้ำตกโตนอ่าวยน เพื่อไปหากล้วยไม้หรือพันธุ์ไม้ป่า ขณะเดินลงมาเห็นผู้ตายซึ่งเป็นหญิงรูปร่างผอมบา งผิวขาวใส่เสื้อกล้ามสวมกางเกงขาสั้นนั่งเอาเท้าแช่น้ำ อยู่ที่บริเวณลำธารนำตกอ่าวยนจำเลยเกิดอารมณ์ทางเพศ ตั้งใจจะกระทำชำเราผู้ตาย จึงเดินเข้าไปใช้ท่อนแขนล็อคคอผู้ตาย เมื่อผู้ตายดิ้นรนต่อสู้จำเลยและผู้ตายตกไปในลำธารผู้ตาย พยายามดิ้นรนต่อสู้

จำเลยจึงใช้ท่อนแขนรัดคอผู้ตายอย่างแรง แล้ว จับผู้ตายกดศีรษะคว่ำหน้าในลำธารเมื่อผู้ตายหมดสติจำเลยลากผู้ตายขึ้นมาบริเวณริมฝั่งแล้วถอดกางเกงขาสั้น และ กางเกงชั้นในของผู้ตายออก เมื่อจำเลยพลิกตัวผู้ตายให้นอนหงายเห็นผู้ตายหน้าเขียวคล้ำลิ้นจุกปาก จำเลยหมดอารมณ์ทางเพศ จึงเอาผ้าพลาสติกสีดำซึ่งอยู่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุมาคลุมตัวผู้ตายแล้วเอาก้อนหินทับไว้ แล้วค้นกระเป๋าของผู้ตายเอาเงิน 300 บาท ของผู้ตายไป

ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าการที่จำเลยใช้แขนล็อคคอผู้ตายทางด้านหลังเพื่อไม่ใช้ผู้ตายขัดขืน ให้จำเลยกระทำชำเราผู้ตายดิ้นรนต่อสู้กระทั่งจำเลยตกลงไปในลำธาร จำเลยยังใช้แขนรัดคอผู้ตาย และ กดศีรษะผู้ตายลงไปในน้ำ จนผู้ตายหมดสติ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้

เมื่อจำเลยถึงแก่ความตายจึงถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ศาลจึงพิพากษาว่าจำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199, 288, 334 ประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 105, 162 ฐานฆ่าผู้อื่นให้ประหารชีวิต จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(2) ฐานฆ่าผู้อื่นให้จำคุกตลอดชีวิต เมื่อรวมทุกกระทงแล้วให้จำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง ยกฟ้องข้อหาพยายามข่มขืนและข้อหากระทำอนาจาร

และในการอ่านคำพิพากษาในวันนี้ สามีผู้ตาย และ บุตรชายผู้ตายอีก 2 คน ร่วมฟังคำพิพากษา จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ผ่านระบบประชุมทางจอภาพ ด้วยระบบ Google meet จากห้องพิจารณาของศาลจังหวัดภูเก็ต และ ได้กล่าวขอบคุณศาลจังหวัดภูเก็ต พนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต และเจ้าพนักงานตำรวจที่ช่วยกันสืบสวนจับกุมคนร้ายจนได้ตัวจำเลยมาลงโทษ และจังหวัดภูเก็ต ที่อำนวยความสะดวกในการประสานงานติดต่อทางญาติของผู้ตาย