“บิ๊กโจ๊ก” แถลงยึดทรัพย์เครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ภูเก็ต – เชียงใหม่ 240 บาท
โพสเมื่อ : Monday, December 17th, 2018 : 11.05 pm
“บิ๊กโจ๊ก” นำทีม แถลงผลปฏิบัติการยุทธการ “ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ตลาดป่าตอง จ.ภูเก็ต และ ตลาดไนซ์บาร์ซาร์ จ.เชียงใหม่ อายัดทรัพย์สินกว่า 240 ล้านบาท
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (17ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวยุทธการ “ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ตลาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และ ตลาดไนท์ไนซ์บาร์ซาร์ จังหวัดเชียงใหม่ อายัดทรัพย์สินกว่า 240 ล้านบาท
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศหรือศปอส.ตร. ขึ้น โดยมุ่งเน้นการป้องกันปราบปรามการอาชญากรรมที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นมากในปัจจุบันโดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, ตำรวจภูธรภาค 8, ตำรวจภูธรภาค 5, กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวประสานความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจำนวน 2 รายและทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดป่าตองจังหวัดภูเก็ตจำนวน 4 จุด และตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดไนท์บาร์ซาร์ จังหวัดเชียงใหม่จำนวน 4 จุด ผลการตรวจค้น ยึดและอายัดทรัพย์สินได้จำนวนหลายรายการอาทิบ้านที่ดินรถยนต์และทรัพย์สินอื่นมูลค่ากว่า 240 ล้านบาท
สำหรับยุทธการ“ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา”ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการสืบสวนทางออนไลน์โดยเน้นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าของประเทศสหรัฐอเมริกาตลอดจนที่ปรากฏในเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ได้แก่ เฟสบุ๊คอินสตาแกรม ไลน์เป็นต้นและข้อมูลที่ได้รับ การร้องเรียนจากประชาชนในช่องทางต่างๆพบว่าตลาดป่าตองจังหวัดภูเก็ตและตลาดไนท์บาร์ซาร์ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศนิยมมาทานอาหารและจับจ่ายซื้อสินค้าภายในบริเวณตลาดซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของภูเก็ตและเชียงใหม่ ในการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าจึงได้บูรณาการกำลังเพื่อเข้าทลายแหล่งจำหน่ายสินค้าจุดเป้าหมาย
โดยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมการเข้าตรวจค้นในตลาดป่าตองจังหวัดภูเก็ตจำนวน 26 จุดและตลาดเลียบหาดเฉวงอำเภอเกาะสมุยจังหวัดสุราษฎร์ธานีจำนวน 3 จุดจับกุมผู้ต้องหารวม 13 รายในข้อหา“จำหน่ายหรือเสนอ จำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร”พร้อมทั้งตรวจยึดสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าอาทิกระเป๋าแบรนด์เนมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย แว่นตา รองเท้ากว่า 300,000 การมูลค่าความเสียหายกว่า42,000,000 บาท
สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 9.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในตลาดป่าตองจังหวัดภูเก็ตจำนวน 4 จุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายได้จำนวน 2 รายในข้อหา“ร่วมกันจำหน่ายหรือเสนอจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร”และได้ยึดทรัพย์ 2 จำนวนหลายรายการอาทิโฉนดที่ดิน’ สิ่งปลูกสร้าง, รถยนต์, เงินสด, สร้อยคอทองคำ, นาฬิกาและทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
ในส่วนการกวาดล้างการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา“ตลาดไนท์บาร์ซาร์จังหวัดเชียงใหม่” เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมการเข้าตรวจค้นร้านค้าภายในตลาดไนท์บาร์ซาร์ จ.เชียงใหม่ จำนวน 25 จุด จับผู้ต้องหารวม 12 รายในข้อหา“จำหน่ายเสนอจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้า ที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร”พร้อมทั้งตรวจยึดสินค้าประมาณ 27,000 รายการ อาทิลำโพงบลูทูธกระเป๋าแบรนด์เนมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนาฬิกาแว่นตารองเท้าเป็นต้นมูลค่าความเสียหายประมาณ 30,000,000 บาท
สำหรับการปฏิบัติการครั้งนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 09:00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 4 จุดได้ยึดอายัดทรัพย์สินจำนวนหลายรายการอาทิโฉนดที่ดิน, สิ่งปลูกสร้าง, รถยนต์, รถจักรยานยนต์, เงินสด, สร้อยคอทองคํา และทรัพย์สินอื่นรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
สำหรับยุทธการ“ขุดรากถอนโคนเครือข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” ในครั้งนี้ส่วนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความจริงจังในการปราบปรามและยึดทรัพย์สินผู้กระทำความผิดละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขยายผลไปยังแหล่งผลิตผู้ที่นำเข้าจะดำเนินการอย่างจริงจังต่อเนื่องฝากไปยังผู้ที่ยังดำเนินการผลิตนำเข้าหรือจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาว่าจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆหรือการประกาศขายทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ เฟสบุ๊ค อินสตราแกรมหากยังดำเนินอยู่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดีขยายผลถึงนายทุนตลอดจนใช้มาตรการยึดทรัพย์จากความผิดมูลฐานตามพรบ. ป้องกันและปราบปรามฟอกเงินพ.ศ2542มาตรา 3(13)และมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับซึ่งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินเพื่อให้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยหมดไป
- อบจ.ภูเก็ต ผุด “ศูนย์ฟอกเลือดด้วยไตเทียม” ขนาด 37 เตียง รองรับผู้ป่วย ไม่ต้องรอค...
- ได้นั่งแน่ รถบัส EV ของอบจ.ภูเก็ต ทดแทน รถโพถ้อง สีชมพู...
- นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมพิธีเปิดประติมากรรม ศิลปะร่วมสมัย “ไอ้จุด” Lovel...
- นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “สมุดภาพภูเก็ต”...
- อบจ.ภูเก็ต นำเครื่องจักรปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสะพานหิน (ภัตตาคารวังปลาเดิม)...
- กระแสแรงเกินคาด! SUPALAI SENSE เขารัง ภูเก็ต ยอดขายทะลักวัน Pre-Sales กว่า 200 ล...
- November 2024 (18)
- October 2024 (24)
- September 2024 (39)
- August 2024 (33)
- July 2024 (36)
- June 2024 (34)
- May 2024 (38)
- April 2024 (38)
- March 2024 (46)
- February 2024 (37)
- January 2024 (37)
- December 2023 (41)
- November 2023 (33)
- October 2023 (30)
- September 2023 (53)
- August 2023 (53)
- July 2023 (41)
- June 2023 (46)
- May 2023 (48)
- April 2023 (50)
- March 2023 (59)
- February 2023 (61)
- January 2023 (59)
- December 2022 (63)
- November 2022 (64)
- October 2022 (69)
- September 2022 (56)
- August 2022 (59)
- July 2022 (41)
- June 2022 (49)
- May 2022 (60)
- April 2022 (50)
- March 2022 (49)
- February 2022 (40)
- January 2022 (39)
- December 2021 (56)
- November 2021 (51)
- October 2021 (44)
- September 2021 (26)
- August 2021 (31)
- July 2021 (20)
- June 2021 (20)
- May 2021 (17)
- April 2021 (4)
- March 2021 (16)
- February 2021 (20)
- January 2021 (5)
- December 2020 (16)
- November 2020 (18)
- October 2020 (20)
- September 2020 (21)
- August 2020 (15)
- July 2020 (23)
- June 2020 (14)
- May 2020 (8)
- April 2020 (64)
- March 2020 (97)
- February 2020 (48)
- January 2020 (74)
- December 2019 (54)
- November 2019 (49)
- October 2019 (41)
- September 2019 (51)
- August 2019 (61)
- July 2019 (70)
- June 2019 (73)
- May 2019 (81)
- April 2019 (72)
- March 2019 (63)
- February 2019 (70)
- January 2019 (77)
- December 2018 (71)
- November 2018 (84)
- October 2018 (82)
- September 2018 (60)
- August 2018 (88)
- July 2018 (136)
- June 2018 (95)
- May 2018 (99)
- April 2018 (89)
- March 2018 (70)
- February 2018 (83)
- January 2018 (79)
- December 2017 (77)
- November 2017 (87)
- October 2017 (90)
- September 2017 (79)
- August 2017 (111)
- July 2017 (106)
- June 2017 (97)
- May 2017 (77)
- April 2017 (64)
- March 2017 (74)
- February 2017 (62)
- January 2017 (104)
- December 2016 (103)
- November 2016 (106)
- October 2016 (103)
- September 2016 (110)
- August 2016 (132)
- July 2016 (153)
- June 2016 (95)
- May 2016 (124)
- April 2016 (57)
- August 2015 (1)
- June 2015 (2)
- May 2015 (9)
- April 2015 (1)
- March 2015 (2)
- February 2015 (1)