นักท่องเที่ยวต่างชาติ ดับปริศนาอีก 1 รายภายในห้องพักที่ป่าตอง

ตะลึง ! นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันเสียชีวิตปริศนาภายในห้องพัก.ในพื้นที่ป่าตอง คาดตายมาประมาณ 3 วัน 

เมื่อเวลา 20.20 น. วานนี้ (13 ก.ย.) พ.ต.ต.ปฐีพ ศรีชาย สว.(สอบสวน)สภ.ป่าตอง ได้รับแจ้งมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตภายในห้องพัก ที่เกสเฮาส์แห่งหนึ่ง ถ.พิศิษฐ์กรณีย์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จึงรายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ป่าตอง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นเกสเฮาส์  3 ชั้น บ้านเลขที่ 59/17 ห้องที่เกิดเหตุ อยู่ชั้น 3 ของอาคาร เมื่อเดินขึ้นไปชั้นที่ 3 พบว่า ประตูห้องปิดล๊อค และคล้องสายยูจากด้านใน ทั้งประตูด้านหน้าและประตูด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้เปิดหน้าต่างและปีนเข้าไปด้านใน เมื่อเข้าไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ต้องตะลึงกับกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง เมื่อตรวจสอบพบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ คือ  MR.HORACE NELSON HIGDON JR อายุ 63 ปี สัญชาติอเมริกา สภาพนุ่งกางเกงขาสั้นลายสก็อต ไม่สวมเสื้อ เสียชีวิตในท่านั่งพับเพียบ ศีรษะฟุบกับเตียงนอน สภาพศพเปื่อยเน่า มีน้ำเหลืองไหลนองพื้น ผิวหนังเริ่มป่องพอง ตรวจสอบภายในห้องพัก ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือการรื้อค้น แอร์ยังคงเปิดทิ้งไว้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ทางเจ้าหน้าที่จึงนำส่งโรงพยาบาลป่าตอง

จากการสอบถาม นายบุญเลิศ วัญญัตติกุล อายุ 55 ปี ที่อยู่ 59/6 ถ.พิศิษฐ์กรณีย์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า MR.HORACE NELSON HIGDON JR ได้เช่าพักอาศัยอยู่ห้องดังกล่าวมาตั้งแต่กรกฎาคม 2557 ถึงปัจจุบัน โดยต่อสัญญาทุกๆ 6 เดือน ตลอดระยะเวลาที่อยู่ผู้ตายเป็นคนที่สุภาพ เรียบร้อย ไม่เคยมีปัญหา อาศัยอยู่ห้องดังกล่าวเพียงลำพัง

ต่อมาวันที่ 13 ก.ย.59 เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะที่ นายสามยู สัญชาติพม่า พนักงานทำความสะอาด ได้กวาดพื้นบริเวณชั้น 3 ได้กลิ่นเหม็นเน่ามาจากในห้องพักของผู้ตาย จึงได้แจ้งให้ตนทราบจากนั้นจึงได้ขึ้นไปดูที่ห้องดังกล่าว พบว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าจริง ประกอบกับไม่พบเห็นผู้ตายออกจากห้องเป็นเวลาประมาณ 3 วัน จึงให้ นายสามยู ปีนระเบียงทางด้านหลัง จากห้องพักข้างๆ ไปดู  พบว่า ผู้ตายนั่งเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณเตียง จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับแพทย์โรงพยาบาลป่าตองชันสูตรพลิกศพผู้ตายไว้แล้ว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะทำการสอบสวน พร้อมจะได้แจ้งสถานฑูตและทางญาติให้ทราบต่อไป