ทุนส่วนกลางเตรียมผุดมารีน่าอ่าวมะขาว ชาวประมงหวั่นกระทบที่จอดเรือ
โพสเมื่อ : Monday, May 9th, 2022 : 5.31 pm
นักลงทุนจากส่วนกลางเตรียมทุ่มเงินทุนกว่า 1 พันล้าน ซื้อต่อสัมปทานที่ราชพัสดุแปลงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต ก่อสร้างโครงการมารีน่าหรู 130 ลำ โรงแรม 70 ห้อง วางแผนเปิดปี 68 เปิดเวทีแนะนำโครงการรับฟังความเห็น ประมงพื้นบ้านหวั่นกระทบที่จอดเรือ นักวิชาการหวงกระทบหญ้าทะเล
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (9 พ.ค.) บริษัท มะขาม เบย์ มาริน่า จำกัด ร่วมกับ บริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ต่อร่างข้อเสนอโครงการ รายละเอียดโครงการขอบเขตการศึกษา และการประเมินทางเลือกโครงการท่าเรือสำราญและกีฬาอ่าวขาม หมู่ที่ 7 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี นายปวีณ ปานบุญห้อม กรรมการบริหาร บริษัท มะขาม เบย์ มาริน่า จำกัด พร้อมด้วย บริษัทที่ปรึกษา ร่วมนำเสนอรายละเอียดโครงการและขอบเขตการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีตัวแทนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มประมงพื้นบ้าน และประชาชนในพื้นที่ตำบลวิชิต เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ณ โรงแรมเคปพันวา จ.ภูเก็ต
สำหรับโครงการท่าเรือสำราญและกีฬาอ่าวมะขาม เป็นการลงทุนโดยบริษัท มะขาม เบย์ มาริน่า จำกัด โดยการเข้ามาดำเนินการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงที่ ภก.308 นสล.เลขที่ 0069 หมู่ที่ 7 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ต่อจากผู้ได้รับสัมปทานรายเดิม เป็นเวลาอีก 25 ปี โดยภายในโครงการนั้นจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ ท่าเทียบเรือสำราญและกีฬา (มารีน่าจอดเรือยอชต์) โรงแรม และพื้นที่เพื่อการพาณิชย์
โดยในครั้งนี้ เป็นการนำเสนอรายละเอียดในส่วนของโครงการท่าเทียบเรือยอชต์ ซึ่งจะมีการดำเนินการทั้งในส่วนของพื้นที่บนบกและพื้นที่ในทะเล เป็นการก่อสร้างท่าเรือในทะเลเป็นท่าเรือแบบสามารถเคลื่อนไหวได้ สามารถรองรับเรือขนาดความยาวสูงสุด 30 เมตร กินน้ำลึก 3 เมตร จำนวน 134 ลำ โดยจะมีการขุดลอกดินจากทะเลออกประมาณ 96,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อให้ได้น้ำลึกเพิ่มอีก 1-2 เมตร จะทำให้เรือที่กินน้ำลึก 3 เมตร เข้าจอดได้สะดวก พร้อมทั้งบริการหลังท่าที่จะมีทั้งการบริการน้ำมัน ระบบน้ำประปาและไฟฟ้า เป็นต้น
สำหรับแผนงานโครงการ จะทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในปี 2565 นี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จและได้รับการอนุมัติภายในปี 2566 หลังจากนั้นจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปี คาดว่าประมาณปี 2568 จะสามารถเปิดให้บริการได้
อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงชาวประมงพื้นบ้านและประชาชนในพื้นที่ เห็นด้วยที่จะมีการเข้ามาลงทุนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และทำให้พื้นที่เจริญขึ้น คนมีงานทำ แต่มีหลายประเด็นที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงชาวประมงพื้นบ้าน ยังกังวล เช่น อยากจะขอความชัดเจนว่าที่ตั้งของท่าเทียบเรือยอชต์นั้น มีหญ้าทะเลอยู่หรือไม่ เพราะจากสำรวจก่อนหน้านี้พบว่ามีหญ้าทะเลอยู่ในบริเวณดังกล่าว และหากว่ามีหญ้าทะเลอยู่จริงทางโครงการจะดำเนินการอย่างไรให้กระทบหญ้าทะเลน้อยที่สุด
รวมไปถึงชาวประมงพื้นบ้านที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเกิดขึ้นของโครงการ เนื่องจากจุดที่จะเกิดโครงการมารีน่านั้น ปัจจุบันนี้ชาวประมงใช้เป็นเส้นทางในการเข้า-ออก และเป็นที่จอดเรือประมงพื้นบ้าน ประมาณ 30-40 ลำ และจะเพิ่มเป็น 40-50 ลำในช่วงฤดูมรสุม หากมีการลงทุนเกิดขึ้น ชาวประมงจะนำเรือไปจอดบริเวณใด ทางโครงการจะหาที่จอดเรือใหม่ให้ชาวประมงได้ที่ไหน รวมไปถึงพื้นที่บนบกที่ชาวประมงพื้นบ้านใช้ในการทำเครื่องมือประมง โรงซ่อมแซมเรือประมง เป็นต้น รวมไปถึงผลกระทบต่างๆที่จะตามมาระหว่างการก่อสร้างและหลังเปิดให้บริการแล้ว
โดยทางเจ้าของโครงการและบริษัทที่ปรึกษาจะนำข้อกังวล ทั้งของนักวิชาการและชาวบ้านไปศึกษาและกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา มานำเสนอในการรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 3 เดือนจากนี้
ด้าน นายปวีณ ปานบุญห้อม กรรมการบริหาร บริษัท มะขาม เบย์ มาริน่า จำกัด เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยหุ้นส่วนได้เข้ามาซื้อต่อสัมปทานที่พัสดุแปลงท่าเรือน้ำลึกจากผู้รับสัมปทานเดิม ที่ได้รับสัมปทานที่ราชพัสดุแปลงนี้ เป็นเวลา 30 ปี แต่หลังจากที่ได้สัมปทานแล้วทางเจ้าของเดิมไม่ได้มีการลงทุนในพื้นที่และมีความประสงค์ที่จะขายพื้นที่ต่อ ทางบริษัทจึงสนใจที่จะเข้ามาลงทุนพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงนี้ แม้ว่าจะเหลือเวลาสัมปทานอีก 25 ปี ก็ตาม เพราะทางเรามีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเดินเรือน้ำมันมาเป็นเวลากว่า 35 ปีแล้ว และต้องการที่จะขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการท่องเที่ยว รวมทั้งมองว่าที่ราชพัสดุแปลงนี้ เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาโรงแรมและมารีน่า รวมไปถึงทางเรามั่นใจในศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลกและมั่นใจว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมาในเร็วๆนี้ จึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนที่ภูเก็ต
โดยภายในโครงการนั้น จะประกอบไปด้วยการลงทุน 3 ส่วน คือ ท่าเทียบเรือยอชต์ โรงแรม และพื้นที่เพื่อสันทนาการและพื้นที่เชิงพาณิชย์ บนเนื้อที่ประมาณ 23-24 ไร่ โดยในส่วนของท่าเทียบเรือยอชต์นั้น จะมีการลงทุนพื้นที่ในทะเลที่อยู่ติดกับที่ราชพัสดุด้วยการขุดลอกล่องน้ำให้ลึกเพิ่มอีก 1-2 เมตร เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ เพื่อลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือยอชต์ รองรับเรือขนาดความยาว 30 เมตร และกินน้ำลึก 3 เมตร ได้ 134 ลำ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม และรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่ส่วนได้เสียในพื้นที่ ส่วนโรงแรมนั้นจะเป็นโรงแรมขนาดกลาง มีประมาณ 70 ห้อง โดยเราตั้งใจจะออกแบบให้ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม รวมไปถึงในส่วนที่จะเป็นคลับเฮ้าส์ ร้านอาหาร พื้นที่ให้เช่า และอื่นๆ ซึ่งเราตั้งใจที่จะทำให้เป็นพื้นที่ที่จะสร้างสีสันให้กับมารีน่าและให้แตกต่างๆไปจากมารีน่อื่นๆ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ จะลงทุนไปพร้อมๆกัน โดยมูลค่าโครงการอยู่ประมาณ 1,100 ล้านบาท
- อบจ.ภูเก็ต เปิดโครงการอบรมส่งเสริมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเมืองยั่งยืน...
- เลือกนายกเทศมนตรี ใน จ.ภูเก็ต โผไม่พลิก แม้จะมีการแข่งขันกันดุเดือด...
- รพ.สต. สังกัด อบจ.ภูเก็ต ร่วมรับมอบรถวีลแชร์จากมูลนิธิกุศลธรรม สนับสนุนดูแลผู้ป่...
- นายก อบจ.ภูเก็ต ร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬา “เทพกระษัตรีสัมพันธ์ ครั้งที่ 4”...
- นายก อบจ.ภูเก็ต เปิดโครงการอบรมพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรท้องถิ่น สังกัด ...
- อบจ.ภูเก็ต ร่วมงานสวดกลางบ้าน ชุมชนน้ำตกกะทู้...
- May 2025 (9)
- April 2025 (21)
- March 2025 (35)
- February 2025 (23)
- January 2025 (23)
- December 2024 (21)
- November 2024 (25)
- October 2024 (24)
- September 2024 (39)
- August 2024 (33)
- July 2024 (36)
- June 2024 (34)
- May 2024 (38)
- April 2024 (38)
- March 2024 (46)
- February 2024 (37)
- January 2024 (37)
- December 2023 (41)
- November 2023 (33)
- October 2023 (30)
- September 2023 (53)
- August 2023 (53)
- July 2023 (41)
- June 2023 (46)
- May 2023 (48)
- April 2023 (50)
- March 2023 (59)
- February 2023 (61)
- January 2023 (59)
- December 2022 (63)
- November 2022 (64)
- October 2022 (69)
- September 2022 (56)
- August 2022 (59)
- July 2022 (41)
- June 2022 (49)
- May 2022 (60)
- April 2022 (50)
- March 2022 (49)
- February 2022 (40)
- January 2022 (39)
- December 2021 (56)
- November 2021 (51)
- October 2021 (44)
- September 2021 (26)
- August 2021 (31)
- July 2021 (20)
- June 2021 (20)
- May 2021 (17)
- April 2021 (4)
- March 2021 (16)
- February 2021 (20)
- January 2021 (5)
- December 2020 (16)
- November 2020 (18)
- October 2020 (20)
- September 2020 (21)
- August 2020 (15)
- July 2020 (23)
- June 2020 (14)
- May 2020 (8)
- April 2020 (64)
- March 2020 (97)
- February 2020 (48)
- January 2020 (74)
- December 2019 (54)
- November 2019 (49)
- October 2019 (41)
- September 2019 (51)
- August 2019 (61)
- July 2019 (70)
- June 2019 (73)
- May 2019 (81)
- April 2019 (72)
- March 2019 (63)
- February 2019 (70)
- January 2019 (77)
- December 2018 (71)
- November 2018 (84)
- October 2018 (82)
- September 2018 (60)
- August 2018 (88)
- July 2018 (136)
- June 2018 (95)
- May 2018 (99)
- April 2018 (89)
- March 2018 (70)
- February 2018 (83)
- January 2018 (79)
- December 2017 (77)
- November 2017 (87)
- October 2017 (90)
- September 2017 (79)
- August 2017 (111)
- July 2017 (106)
- June 2017 (97)
- May 2017 (77)
- April 2017 (64)
- March 2017 (74)
- February 2017 (62)
- January 2017 (104)
- December 2016 (103)
- November 2016 (106)
- October 2016 (103)
- September 2016 (110)
- August 2016 (132)
- July 2016 (153)
- June 2016 (95)
- May 2016 (124)
- April 2016 (57)
- August 2015 (1)
- June 2015 (2)
- May 2015 (9)
- April 2015 (1)
- March 2015 (2)
- February 2015 (1)