ที่ปรึกษา รมว.แรงงาน ลงพื้นที่เหลือคนงานนั่งร้านถล่ม เจ้าของยันช่วยเต็มที่ ส่วนที่พังไม่ใช่อาคารหลัก

โพสเมื่อ : Wednesday, August 14th, 2019 : 3.45 pm

ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือคนงานชาวเมียนมา ขณะที่เจ้าของโครงการระบุช่วยเหลือเต็มที่ ส่วนที่ถล่มไม่ใช่ตัวอาคารหลักยอมรับเหตุที่เกิดขึ้นกระทบบ้างเพราะมีการสื่อสรที่ไม่ชัดเจน

วันนี้ ( 14 ส.ค.) รศ.ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นาย KAYW SOE Labom AtTAche Myanman Embassy in Thailand และคณะ ลงพื้นที่ติดตามความช่วยเหลือคนงานที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากกรณีนั่งร้านสร้างอาคารส่วนหน้าของคอนโดในพื้นที ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พังถล่มจนมีคนงานซึ่งเป็นชาวเมียนมา ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย และเสียชีวิต 3 ราย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยจุดแรกที่ทางที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเดินทางลงไป คือ บริเวณไซต์งานพื้นที่โครงการก่อสร้าง ที่นั่งร้านถล่มเพื่อดูสภาพพื้นที่ หลังจากนั้นได้เดินทางไปที่ วัดสว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของคนงานชาวเมียนมา ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง 3 ศพ และมีกำหนดฌาปณกิจวันนี้ ( 14 ส.ค.) พร้อมมอบเงินช่วยเหลือให้กับญาติของผู้เสียชีวิต ต่อมาคณะได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจในส่วนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกจำนวน 2 คน

รศ.ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีความห่วงใยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมอบหมายให้ตนลงพื้นที่และติดตามให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ตามสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับ ซึ่งในส่วนของกการช่วยเหลือนั้นได้มีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มแรก คือกลุ่มบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 6 คน ทางกระทรวงแรงงานได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามกฎหมายให้แล้ว กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บและยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจำนวน 2 คน จะต้องดูแลทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยที่ไม่สามารถทำงานได้

ส่วนกลุ่มที่ 3 กลุ่มในส่วนของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีจำนวน 3 คน ในส่วนนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ เงินค่าทำศพ รายละ 33,000 บาท และอีกเป็นเงินทดแทน ซึ่งทั้ง 2 ส่วนรวมกันอยู่ที่ รายละกว่า 755,000 บาท นอกจากนั้นจากการสอบถามนายจ้างทราบว่าทางบริษัทผู้รับเหมาได้ทำประกันชีวิตให้กับแรงงานด้วย

รศ.ดร.จักษ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า จากการพูดคุยกับทางทูตแรงงานเมียนม่า พบว่าเขาพอใจกับการช่วยเหลือของทางการไทย แต่สิ่งที่เขาขอให้เรือทำให้กับทางแรงงานคือการย้ายแคมป์ คนงานออกจากจุดนี้ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรบกวนสภาพจิตใจของคนงาน ที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทางนายจ้างก็พร้อมที่จะดำเนินการในเรื่องนี้

ขณะที่นายไกรจิตติ เจนสรรพกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการโครงการ วีไอพี เมอร์คิวรี่ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือในส่วนของคนงานที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บว่า ทางโครงการได้ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ โดยร่วมกับกับทางบริษัทผู้รับเหมาในการมอบเงินช่วยเหลือในเรื่องของรักษาพยาบาล และการจัดงานศพ นอกจากนั้นยังช่วยประสานงานในเรื่องของเงินประกันที่ทำไว้กับบริษัทประกัน ซึ่งเรื่องนี้พร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่

นายไกรจิตติ ยังได้กล่าวต่อไปถึงในส่วนของจุดที่เกิดอุบัติเหตุ ว่า จุดที่เกิดอุบัติเหตุเป็นในส่วนนั่งร้านที่ใช้สำหรับการก่อสร้างอาคารส่วนหน้า ซึ่งอยู่แยกจากตัวโครงการหลักที่เป็นคอนโด มีการแยกใบอนุญาตก่อสร้างออกมาอย่างชัดเจน เป็นอาคารที่สร้างเพื่อส่วนรับรองลูกค้า และ ร้านอาหาร ดังนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่ส่งผลประทบต่อโครงการหลัก โครงการยังสามารถดำเนินการก่อสร้างไปตามปกติ ขณะที่ในส่วนของอาคารส่วนหน้าที่มีปัญหา ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของทางหน่วยงานราชการส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็คงต้องรอผลการตรวจสอบและสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป

ส่วนผลกระทบต่อลูกค้าในระยะแรกมีผลกระทบบ้างเนื่องจากข่าวที่ออกไปในช่วงแรกที่บอกว่าอาการถล่ม ทำให้ลูกค้ารู้สึกกังวล โดยตอนนี้ได้ทำการชี้แจงไปเรียบร้อยแล้ว ว่าจริงๆแล้วส่วนที่พังลงมาคือตัวนั่งร้านที่ใช้สำหรับการก่อสร้างอาคารเท่านั้นซึ่งอาจจะทำให้โครงการก่อสร้างอาคารส่วนหน้าล่าช้าไปบ้าง สำหรับลูกค้าของคอนโดมีทุกกลุ่ม ทั้งจีน ยุโรป รัสเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อลงทุน ตอนนี้ขายไปได้แล้ว 70 – 80 %

อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ วีไอพี เมอร์คิวรี่ ซึ่งเป็นคอนโด มีจำนวน 8 ตึก 555 ห้อง ส่วนที่ 2 คืออาคารส่วนหน้าที่เกิดเหตุ ส่วนที่ 3 กำลังอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ ซึ่งจะทำโครงการวีไอพีแกลแลกซึ่งสร้างเป็นพลูวิลล่า จำนวน 92 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 20 ล้านบาท คาดว่าอีก 2 เดือนน่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ ถ้ารวมงบลงทุนทั้ง 3 ส่วนอยู่ที่ประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท แต่ถ้าพูดถึงภูเก็ตทาง วีไอพีไทยแลนด์ มีการลงทุนไปแล้วหลายโครงการ เช่น วีไอพีกะตะสร้างเสร็จเรียมร้อยแล้ว มูลค้าโครงการอยู่ที่ประมาณ900 – 1,000 ล้านบาท

 

ส่วนสาเหตุที่วีไอพีไทยแลนด์ เลือกมาลงทุนที่ภูเก็ต ก็เนื่องจากผู้บริหารเป็นคนที่เกิดภูเก็ต แต่ไปอยู่ที่ประจวบ และมองเห็นศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลก มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก มองว่าภูเก็ตยังไปได้อีกในเรื่องของการท่องเที่ยว